ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นในสังคมที่ทำให้มี คนเริ่มตั้งคำถาม(อีกแล้ว)ว่า, เคยทำอะไรช่วยชาติบ้าง นัยแฝงในประโยคคำถามก็คือ–มึ งอย่าดีแต่ด่า ถ้ายังไม่เคยออกแรง–อะไรประมาณ นั้น
ฉันก็เลยมานึกบ้าง ว่าฉันเคยทำอะไรให้ชาติบ้าง ถ้าทำ ทำมากแค่ไหน เกิดฉันไม่พอใจไฟฟ้า ประปา การจราจร ขนส่งสาธารณะ ขยะเทศบาลนี่จะพอมีสิทธิ์บ่นก่ นด่าได้บ้างหรือไม่ อย่างไร
ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งที่ฉันทำเพื่
อะ อันนี้คนเอามาเปียกันเยอะ ว่ากูจ่ายภาษีนะจ๊ะ แต่ฉันว่ามันธรรมดาไป เพราะทุกคนก็จ่ายภาษีอยู่แล้ว ขืนวัดกันว่าใครจ่ายมากมีสิทธิ์
อืม–มีอะไรอีกล่ะ บริจาคเลือด–ก็เคยนะ แต่ตอนนี้บริจาคไม่ได้ ร่างกายเปี่ยมยาต้านซึมเศร้า
ไม่ทิ้งขยะในที่สาธารณะ ข้ามถนนตรงทางม้าลาย เป็นยุวกาชาดนี่ฉันก็เป็
อ่อๆ แล้วก็ไปเลือกตั้งด้วย อ่า–ข้ามประเด็นนี้ไปดีกว่า เสี่ยง
แต่เรื่องหนึ่งที่ฉันเอามายื
จะเป็นหนังเรื่องอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่ตำนานสมเด็
เอาตั้งแต่เริ่มเลย
ท่านมุ้ยเรียกฉัน-ซึ่งตอนนั้
“อินทิรามาทำไม”
ว้ายยยยยย ทำไมล่ะคะ อิฉันก็มาเรียนน่ะเสะ ลงทะเบียนจ่ายค่าหน่วยกิตไปแล้
“มีจดหมายมาขอตัวเธอไปช่วยงานปี
ชะ ช่วยงาน? งานอะไรคะ?
“ไปเล่นหนังท่านมุ้ยไง อ้าว ตกลงนี่เธอรู้เรื่องมั้ยเนี่ย”
ค่ะ
กลายเป็นฉันรู้ช้ากว่าคนอื่น ว่าท่านดรอปเรียนให้แล้วเพื่
อให้ไปถ่ายหนัง ก็ได้แต่พับชุดนักศึกษาเข้าตู้ โบกมือลาเงินลงทะเบียนทั้งน้ำตา แล้วจัดเป้เตรียมตัวไปทำงานที่ กาญจนบุรี
เมืองกาญจน์ (โดยเฉพาะจุดที่ฉั
แต่ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีการถ่ายทำค่ะ มีเพียงคอกม้าและสนามหญ้า พร้อมฝรั่งต่างชาติมากมายยืนต้
โอ๊ย สบาย ม้านี่เคยขี่อยู่แล้ว เพราะพ่อฉันไม่ยอมให้ลู
อะไรนะ
ให้หัดแปรงขนม้า!!
นั่นล่ะค่ะจุดเริ่มงาน คือท่านไม่ต้องการให้ทำอย่
ดังนั้น, วันของฉันจึงจะเริ่มต้นขึ้
ทำวนไปอย่างนี้ทุกวันจนถึงรอบขี่
แล้วครูฝรั่งแต่ละคนก็แสนจะใจดี
หรือขี่ๆ ไปตามปกติ ก็อยากจะให้เราลองปลดอานปลดบั
พอฉันถามว่าพี่จะให้ขี่เอาถ้
“และปรินซ์ (อันนี้ฝรั่งหมายถึ
พวกยูนั่นก็คือพวกฉัน ซึ่งตอนนั้นยังมีกันไม่กี่ชีวิต แถมบางคนยังไม่รู้ด้วยว่าจะได้
ส่วนครูสอนอาวุธนั้นก็จะไม่
ยอมสอนกลเม็ดใดๆ จนกว่าฉันจะยอมวิ่งรอบสนามฟุ ตบอลพร้อมควงไม้พลองทั้งสองมื อไปด้วยเสียก่อน
ภาพติดตาก็คือ-ฉัน- ซึ่งร้อนฉิบหายและเหนื่อยแฮ่
“ปรินซ์อยากให้พวกยูมีเพลงอาวุ
วิธีของเขาคือบอกเป็นตำแหน่งตั้
ฉันเลยต้องมานั่งท่องทุกวัน ว่า 1 คืออะไรวะ แล้ว 3 นี่มันหัวหรือหู เหมือนต้องท่องสูตรคูณฉบับพิ
ยัง ยังไม่พอ
“ยูเป็นปรินเซส ทางอาวุธต้องต่างจากทหารชาย ลดการปะทะ ไม่ใช้แรงสู้ แต่ใช้ความเร็ว ดังนั้นไอมีอาจารย์พิเศษให้ยู” ชายผู้นั้นชื่อครูจิม จบจากเส้าหลิน นี่เรื่องจริง ครูจิมเป็นศิษย์ร่วมรุ่นเส้าหลิ
ผู้หญิงในเรื่องนี้มีอยู่ 2 คน คือฉันกับคุณแอฟ ทักษอร แรกๆ คุณแอฟก็มาขี่ม้าเป็นอันดี
แล้วยังไงล่ะ ก็เหลือฉันคนเดียวล่ะสิ
แล้วแทนที่จะถนอมกล่อมเกลี้ยงฉั
โว้ยยยยยยยยยยยย เป็นผู้หญิง ต้องรบสไตล์ผู้หญิงสายเส้าหลิน แต่ต้องเก่งไม่แพ้ผู้ชาย กูจะบ้าาาาาาา ม้าก็ต้องขี่ วิ่งก็ต้องวิ่ง เข้าสถานีฝึกชกกระสอบ กระโดดเชือก วิดพื้นฉันก็ต้องทำ แถมต้องทำไปเรื่อยๆ ด้วย เพราะไม่รู้ว่าถึงเวลาถ่ายทำจริ
บางทีน้องทรายก็คิดนะ ว่าทำไมน้องทรายถึงได้ทาเบตาดี
นบ่อยกว่าแฮนด์ครีม
ก็เนี่ย, ฉันทำทั้งหมดนั่นอยู่แปดเดือน โดยยังไม่ได้รับค่าจ้างค่าตัว เพราะตามธรรมเนียมแล้วถือว่
หลายคนอาจจะค่อนแคะว่าแหม–เพื่
ก็อยากจะแมนๆ ใจๆ อย่างนั้นเหมื
แปดเดือนผ่านไปพร้อมกล้ามหลั
ในที่สุด, ฉันก็ได้ลงสนามถ่ายทำจริง
วันแรกผ่านไป
อื้อหืออออออออ อยากวิ่งไปกอดครูทุกคนรวมถึงท่
บอกกันอย่างสุภาพที่สุดคือ, แถวนี้แม่งเถื่อน บอกตรงๆ นะ ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ คือจากตอนฝึกที่ทำทีละอย่างก็
ฉันได้เห็นทหารหนุ่มๆ รุ่นๆ เป็
จนครบปีที่ทีมสตันท์ฝรั่งจะกลับ
จริงๆ ฉันก็อยากเขียนอะไรให้มั
“ยูทำได้ อย่าดูถูกตัวเอง”
เออ เราทำได้จริงๆ
ถ้าจะมองว่าทั้งหมดนี่มันเกี่ ยวกับการทำเพื่อชาติที่เกริ่ นมาข้างต้นตรงไหน ก็คงจะเป็นตรงนี้ล่ะ ว่าที่จริงแล้วเราก็ทำหน้าที่ ของเราให้ดีที่สุดเท่าที่ จะทำได้ ฉันไม่ได้หมายความว่าห้ามบ่นห้ ามไม่พอใจ ฉันเองตอนฝึกนี่ก็ด่ากันจะเป็ นจะตาย ทั้งเราบ่นเขาด่า หรือเราด่าเขาดื้อ เจ็บตัวก็บ่อย งอแงก็มาก แต่ถึงที่สุดแล้วเราต่างก็ปรั บตัว เราต่างก็พัฒนา ไม่มีใครถูกหรือผิดไปตลอดกาล
อย่าให้ใครต้องมาย้อนถามเลยว่ าตกลงปัญหามันอยู่ตรงไหน และคุณหรือใครอยู่ในกระบวนการที่ ไม่ด่า แต่ก็ไม่เห็นปัญหา ไม่ช่วยอะไร แถมร่วมด่าคนที่สงสัยเสียอีกว่ าบังอาจสงสัยขึ้นมาได้ไง แน่จริงก็ไปทำเองสิ
ฉันว่ามันไม่ใช่นา แบบนั้นดูเหมือนคนที่ควรจะทำหน้ าที่กลับไม่ทำ แต่โยนมาให้เรารับผิดชอบแทนหรื อเปล่าหว่า