อยากได้ห้าร้อยบ้างจัง
อยากเก็บเป็นเงินขวัญถุงเอาไว้ดูยามอ่อนล้า ว่างานการที่ทำมาหาเลี้ยงชีพและมีใช้จ่ายภาษีตามหน้าที่พลเมืองที่ดีมาตลอดยี่สิบปีของฉัน ก็จะได้เงินทอนแบบจะจะให้เห็นคราวนี้เอง
เดี๋ยวนะ เป็นดารา ไม่ควรเขียนเรื่องอะไรแบบนี้นะคะ ก็น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีทางด่วน สาธารณูปโภคครบครันแล้ว เธอจะเอายังไงอีก เป็นดาราก็เป็นไปค่ะ อย่ามาแซะ เออจริง
ดีนะว่าฉันมีแม่ซื้อ, ซึ่งก็คือฉันในด้านตรงข้าม คอยจิกหัวเตือนสติอยู่เรื่อยๆ ว่าอย่าไปสาระแนกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตน แต่ก็นะ, ถ้าอดได้ก็เหนือมนุษย์แล้วล่ะ
จั่วหัวมาด้วยเรื่องเงินๆ นี่ก็แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ในวงการที่หลายคนเชื่อว่าหาง่ายได้คล่องไม่เป็นสองรองใคร จะว่าจริงก็จริง แต่จะไม่เหนื่อยเลยก็ไม่ใช่ ต้องทำนู่นทำนี่ ไปหลายที่เดินทางไปทั่ว แล้วบางทีก็ใช่จะได้เงินเลย จนงานเสร็จออกฉายให้ได้เห็นกันนั่นแหละ ถึงจะไปรับค่าตัวได้ ซึ่งกำหนดนี้ก็ไม่ได้แน่นอนแบบได้รับแน่ๆ ทุกสิ้นเดือน แต่ก็จะมีบางเดือนที่ต้องนอนเงียบๆ หายใจเบาๆ เพื่อไม่ให้เปลืองมาก เพราะเงินไม่ออกเลยสักงาน กับเดือนที่ตู้มต้าม รับเงินกันรัวๆ เหมือนแขวนปลาตะเพียนเรียกแขกไว้ตรงหน้าผาก แต่ก็จะมีชนกลุ่มน้อยอยู่บ้าง
ฉันเคยเป็นชนกลุ่มนี้มาแล้ว คือจะเป็นเด็กก็ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง เลยมีคุณพ่อหรือคุณแม่ไปคอยดูแลและเป็นผู้จัดการส่วนตัวรวมไปถึงนักบัญชีแบบทรีอินวัน
ในกรณีฉันก็คือแม่ถือทุกอย่างเสร็จสรรพ ทั้งคิว ทั้งเงิน ทั้งตัวฉันเองซึ่งถือเป็นโปรดักต์หนึ่ง
การให้คนอื่นถือเงินนั้นก็เป็นเรื่องดีอยู่ ตรงที่ว่ากองถ่ายนั้นบางทีก็คล้ายบ่อน ที่จะต้องมีคนมายืมเงินหรือมีเรื่องให้จ่ายกันอยู่ร่ำไป
ตั้งแต่หน้ากฐินผ้าป่าที่แจกซองกันแทบจะมาจากวัดทั้ง 77 จังหวัด วันเกิดใครสักคน หรือไม่ก็มายืมกันดื้อๆ สักหมื่นสองหมื่น เพราะเกิดช็อต หมุนไม่ทันขึ้นมา แต่ก่อนฉันก็ใช้ชีวิตง่ายๆ ด้วยการตอบทั้งคนส่งซองและคนขอยืมว่า-เชิญติดต่อที่เคาน์เตอร์คุณสุภาภรณ์, แม่บังเกิดเกล้าของดิฉันเลยค่ะ-ถ้าเจตนาดีบริสุทธิ์ใจก็ไปบอกบุญกันต่อ ถ้ากลัวๆ กล้าๆ ก็ไม่กล้าไปขอเอง ซึ่งฉันก็ช่วยไม่ได้
ที่พิเศษคือกองทั้งหลาย ไม่ว่าจะหนัง ละคร รายการ หรืออะไรต่างๆ ก็จะมีงบส่วนกลางเอาไว้ซื้อข้าวซื้อขนมพิเศษมาเพิ่มเติม หรือถ้าไปถ่ายรายการก็มีงบที่เอาไว้จ่ายค่ากิจกรรมที่ไปถ่าย เช่น ค่าตั๋ว ค่าเครื่องเล่น ฯลฯ ต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็กลายเป็นแหล่งหากินของบางคนไปอีก คือมีอะไรให้ก็ไม่เอา แต่จะเอาไอ้ตรงเงินพิเศษนี่ไปซื้อมากินต่างหาก ข้าวกอง 8 อย่างมันไม่เติมเต็มตารางโภชนาการของเจ้าหล่อน จะขอซื้ออย่างที่ 9 มากินสวยๆ คนเดียว
ลงจากรถไปเจอตลาดเช้า มีพระมาบิณฑบาต ก็เกิดอยากจะทำบุญลงไอจีขึ้นมา เลยหันมาหาประสานงาน ว่าขอเงินสองร้อยค่ะ จะเอาไปทำบุญ เพราะไม่ได้พกเงินสดค่ะ ประสานงานจะไม่ให้ก็ไม่ได้ จะบอกไม่มีก็ไม่ได้ จะขอแตะมือร่วมบุญด้วยก็ยิ่งไม่ได้ เพราะเขาจะเอารูปลงไอจีเขา ว่าตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรจ้า
เดินตลาดเพลิดเพลิน เกิดอยากจะซื้อของฝากคนที่บ้านขึ้นมาเสียอีก ก็ไม่พ้นนังประสานงานตาดำๆ ที่ต้องควักจ่ายไปงงๆ พลางคิดว่าวันหลังไม่พาครอบครัวมาด้วยกันเสียเลย จะได้จบไป ไม่ต้องมาเอาตังค์ส่วนรวมมาซื้อของฝากส่วนตัว ครั้งละนิดละหน่อย บ่อยเข้าก็หลายอยู่นะคุณ แต่ฉันเห็นส่วนใหญ่คนทำก็เบลอๆ มึนๆ ไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนเป็นหน้าที่และสิ่งที่ควรจะได้อยู่แล้ว
ออกตัวก่อนว่าฉันไม่เคยทำ แม่ฉันให้ติดตัวไว้นิดหน่อยอยู่แล้วตามสมควร และถ้ามันอยากแพงอยากหรูแต่ไม่มีเงินก็อดไป กินข้าวรวมๆ กับที่เขามีนั่นแหละ ถ้าแม่ไปด้วยค่อยว่ากัน แต่ฉันก็ไม่ค่อยจะซื้ออะไร เพราะขอเงินแม่นั้นยากกว่าขอขวานคืนจากเทพารักษ์เสียอีก
แต่ที่สุดในใจฉันคือเมื่อนานมาแล้วกับนักแสดงชายท่านหนึ่ง
ทีมงานยกกองไปถ่ายทำกันที่ต่างจังหวัด ซึ่งก็รวมทั้งฉันและนักแสดงท่านนี้ด้วย โดยที่แม่ฉันไม่ได้ไปเพราะขี้เกียจ ก็ให้เงินติดตัวฉันไปหนึ่งพันบาท สำหรับการถ่ายทำสามวัน เพราะเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ใช้อะไร นอกจากซื้อขนมหรือน้ำอัดลมกินเพิ่มเติมแก้อยาก เพราะหลักๆ กองถ่ายเขาก็มีให้กิน ห้องพักก็มีให้อยู่ รถตู้ก็มีให้นั่งไม่เดือดร้อนอะไร
จนวันสุดท้ายถ่ายทำเสร็จ ฉันกับทีมช่างหน้าช่างผมเลยนัดกันว่า เราเทข้าวเย็นกองแล้วไปกินข้าวที่ตลาดโต้รุ่งในตัวเมืองกันดีกว่า ที่นี่ของกินเขาขึ้นชื่อหลายอย่าง ฉันก็แจ้งไปว่าฉันมีพันนึงนะ ช่วยหารได้ๆ สนุกๆ กินกันหลายๆ คน แต่ระหว่างที่ยืนเม้ามอยกันก็รู้สึกมีเงาดำมาประชิดตัว
อุ่ย คุณพระเอก มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอทุกคนหันไป เขาก็ถามยิ้มๆ ว่าจะไปกินข้าวกันเหรอครับ? ถามมาแบบนี้ก็ได้ยินมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะสิ ช่างผมเลยถามไปด้วยความมารยาทงาม ว่าพี่…ไปด้วยกันมั้ยคะ “ไปครับ”
ตอบแล้วเขาก็เดินไปขึ้นรถตู้ นั่งชิดริมขวาด้านหลังคนขับ เหยียดขาสบายใจ (คืออีที่นั่งนี้เป็นทำเลทองมากค่ะ จะเก็บไว้ให้ผู้กำกับหรือนักแสดง/ผู้จัดเท่านั้น ถ้าศักดิ์ศรียังไม่ถึงนี่ห้ามนั่งนะคะ เพราะถ้าคนตำแหน่งสูงกว่าขึ้นมาบนรถ คุณต้องลุกย้ายให้เขาด้วยจ้ะ) เอ่อ ท่าทางพี่เขาคงอยากไปมาก ดีๆ มีคนไปเยอะๆ ก็ดี
ก็นั่งรถตู้กันไปจนถึงตลาดโต้รุ่ง เดินสแกนหาร้านน่าลองจนเจอเข้าหนึ่งร้าน ก็ชวนกันนั่ง นั่งยังไม่ทันครบคน ก็ได้ยินเสียงสั่ง
“กะพงราดพริกครับ เอาเผ็ดๆ”
เฮ้ย พระเอกหิวเหรอ!!! ทำไมสั่งโคตรเร็ว!!!
แล้วพี่ไม่ถามสักนิดเหรอ ว่าเราอยากกินอะไรกัน กินเผ็ดกันได้มั้ย ชอบปลาหรือเปล่า นี่รู้แน่เหรอวะ ว่าคนเขามากันเอง ไม่ใช่สวัสดิการจากกอง พี่เขาสั่งเสร็จก็นั่งมองพวกเราที่ตื่นตะลึง ว่ามองอะไรอะ สั่งสิสั่ง
ฉันกับสาวๆ หน้าผมเลยอ้อมแอ้มสั่งผัดผัก ไข่เจียวอะไรกันไปตามประสา เพราะในเมนูก็ระบุไว้แล้วว่ากะพงสดๆ นั้นโลละหลายร้อยอยู่ งบเราก็ไม่ได้มากมาย กลัวจะแหกกันเกินงาม แต่พี่เขาสั่งก็คงรู้ราคาแล้วล่ะมั้ง เขาพระเอกนะแก จะไม่รู้ได้ไง สั่งแล้วก็นั่งรอ
แน่นอนค่ะ, อีปลากะพงนี่ต้องมาเป็นจานแรก เพราะสั่งเป็นอย่างแรก พี่พระเอกเห็นดังนั้นก็เรียกหาข้าว แล้วเริ่มนั่งแคะปลากินอย่างเพลินใจ พอข้าวมา กับอย่างอื่นก็ทยอยกันมา พี่เขาก็ใช้ช้อนตัวเองจ้วงต้มยำกินอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมออกปากไปด้วยว่า “จริงๆ น่าจะสั่งแกงจืดนะ ปลาก็เผ็ดแล้ว ยังสั่งต้มยำอีก”
ค่ะ กูขอโทษค่ะพี่ อะ เชิญตักไข่เจียวร้อนๆ นี่ไปกินตัดเผ็ดด้วยค่ะ
ฉัน, ซึ่งอยากจะกินอีกะพงนั่นขึ้นมาบ้าง ก็เอื้อมจะไปตักปลา พี่พระเอกก็ออกปากห้ามว่าไม่ต้องๆ พี่แกะให้ แล้วก็บรรจงแกะเนื้อส่วนหางที่บางที่สุดมาให้ พร้อมตักน้ำราดมาให้เต็มช้อน ตื้นตันเนอะ
ก็กินไปแบบเจื่อนๆ กร่อยๆ แบบนี้จนอิ่ม (คือพี่เขาอิ่ม แต่พวกกูเจื่อนสัส) ก็ได้เวลาเรียกเก็บเงิน จังหวะชุลมุนที่เรียกเก็บเงินนั้น หันมาอีกที พี่พระเอกก็หายตัวไปแล้วจ้า
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย เป็นพระเอกแล้วยังหายตัวได้ด้วย เก๊งเก่ง
ชะนีและกะเทยน้อยใหญ่ตรงนั้นก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ว่านี่ตกลงกูเป็นขี้ข้าเขาเลยต้องมาหาให้เขากินใช่ไหมเนี่ย รอไปรอมา พี่เขาก็ไม่ปรากฏตัว เลยต้องหารจ่ายกันเอง (และแน่นอน อีกะพงตัวนั้นค่าตัวแพงสุด!) เดินออกมาจากโต๊ะด้วยความงุนงง จะกลับมาขึ้นรถตู้ ก็พบว่าประตูรถตู้ถูกเปิดรอไว้แล้ว โดยมีอีพี่พระเอก นั่งทำเลทองเหมือนเดิม พร้อมถุงบัวลอยในมือ กำลังกินอย่างอร่อย
“อ้าว กลับแล้วเหรอ นี่ผมเดินมาหาขนมกินล้างปาก กำลังจะกลับไปหาเลย”
จ้า จะกลับไปหาจ้า มึงถอดรองเท้า ห่มผ้า เอาหมอนรองคอแล้วเนี่ยนะอีผี
ใครสักคนในกลุ่มเลยงึมงำตอบไป ว่าค่ะๆ จะกลับแล้ว เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯ ดึก พรุ่งนี้ต้องทำงานกันแต่เช้า
“กินขนมกันมั้ยล่ะ อะไรกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่นะ” พี่พระเอกพูดอย่างยิ้มแย้ม ท่ามกลางสายตาของพวกเราเหล่าไพร่
“เนี่ย เจ้านั้นน่ะ ผมซื้อมา กินแล้วจ่ายของผมให้ด้วยนะ อร่อยเชียว กล้วยเชื่อมก็น่ากิน เปียกปูนก็ดี ฯลฯ”
โอ้ คุณพระ นี่มึงยังเก็บค่าขนมไว้ให้กูจ่ายด้วยสินะ
ฉันกัดฟันเดินไปจ่ายค่าขนมให้ที่แผง ซึ่งแม่ค้าก็กิ๊วก๊าวเป็นอันมาก ว่าพระเอกมาซื้อขนม หล่อจังเลย น่ารักกว่าในทีวีอีก เล่นเอาฉันอยากจะตะโกนบอกแม่ค้ามาก ว่าฉันอยากจับมันยัดเข้าทีวีไปแล้วไม่ต้องออกมาอีกเลย
ทุกวันนี้พี่พระเอกคนนั้นก็ห่างหายไปจากวงการบันเทิงแล้ว ข่าวมาว่ายังมีงานอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ ไม่เหมือนตอนดังแรกๆ ซึ่งฉันก็ไม่แปลกใจนะ แหม เขาจะทำงานมากมายได้ยังไงล่ะคุณ เสียเวลาหาทางกินฟรีแย่เลย
ถ้าใครอยากจะเจอเขาอีกก็อาจจะต้องจัดงานแต่งหรืองานบวชแล้วชวนมากินฟรีนั่นล่ะ ถึงจะมีเกียรติพอให้เขายุรยาตรมางาน อย่าลืมสั่งกะพงราดพริกไว้เผื่อเค้าด้วยล่ะ
เอวังเรื่องเงินทองในกองถ่ายก็เป็นเช่นนี้ล่ะจ้า