1.
“ตอนผมค้างในป่านี้ครั้งแรก เราได้ยินเสียงม้าวิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเปิดเต็นท์ออกไปดู ทุกอย่างกลับเงียบกริบ”
อเล็ก เซอร์ดูกัน (Alex Surducan) เป็นคนโรมาเนีย ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ หากเสิร์ชในอินเทอร์เน็ต จะพบว่าชายคนนี้ เป็นไกด์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ อัธยาศัยดี พูดอังกฤษคล่องปาก
หน้าที่ของเขาคือพาเหล่านักท่องเที่ยวต่างแดน เดินสำรวจป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทรานซิลเวเนีย ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของเจ้าชายวล้าด (Vlad) ผู้ปรากฏตัวอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ ช่วงศตวรรษที่ 15 เขาเป็นนักรบที่โหดเหี้ยม
เรื่องราวของเจ้าชายองค์นี้ ถูกแต่งเติมโดยแบรม สโตเกอร์ (Bram Stoker) นักเขียนไอริช ที่ประพันธ์นวนิยายสุดสะพรึงที่ชื่อว่า แดรกคูลา (Dracula) เจ้าชายผีดูดเลือดที่เรื่องราวถูกเล่าขาน ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์หลากหลายเวอร์ชั่น จนมีคนแห่แหนมาเที่ยวทรานซิลเวนเนีย(Transylvania) เยี่ยมชมปราสาทเจ้าชายวล้าดกันอย่างคึกคัก
แต่นั่นไม่ใช่เส้นทางที่อเล็กพาคนไปชม
นักท่องเที่ยวบอกว่า สถานที่ซึ่งไกด์โรมาเนียพาไปนั้น เป็นป่ากว้างใหญ่ การเดินสำรวจเกิดขึ้นในช่วงเช้า ไม่กี่ชั่วโมง และเดินกันไม่มากกิโลเมตร
หากใครอยากลองเดินต่อกลางคืนก็ย่อมทำได้
แต่ห้ามขอนอนค้างโดยเด็ดขาด
คนที่เคยไปป่าแห่งนี้ เขียนรีวิวการทำงานของอเล็กไว้อย่างน่าสนใจว่า “เขาไม่จำเป็นต้องทำเสียงหลอกแบบตุ้งแช่ใส่พวกเราเลย”
“เพราะป่าแห่งนี้ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว”
นักข่าวสายท่องเที่ยวนั่งคุยกับอเล็ก ถึงสถานที่แห่งนี้
มันชื่อว่า โฮยา บาชิว (Hoia Baciu) มัคคุเทศก์หนุ่มตอบ ก่อนที่จะเล่าประวัติความเป็นมา ระหว่างนั้นเจ้าตัวตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป
“ผมเคยพากรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวป่าแห่งนี้ แล้วมีอยู่คนพูดว่า เขาเห็นปีศาจ ก่อนจะเปิดรอยสักที่หน้าอก ซึ่งเพิ่งไปจรดเข็มมา มันเป็นยันต์ไว้กันอสูรกาย หลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นบ้าไปเลย
มันคือเรื่องสยองขวัญที่ผมพบ ระหว่างประกอบอาชีพนี้”
แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องสยองสุด ที่อเล็กเคยได้ยินมา
2.
โฮยา บาชิว เป็นชื่อที่คนพื้นที่ตั้งให้ตามตำนาน ครั้งหนึ่ง มีคนเลี้ยงแกะพาฝูงแกะนับ 200 ตัว เข้าไปในป่าแห่งนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ แต่ชาวบ้านโดยรอบ ไม่กล้าเสี่ยง คำพูดที่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เป็นจริงในดินแดนแห่งนี้
เมื่อสำรวจอย่างละเอียด จะพบว่า ป่าถูกปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม แต่ตรงกลาง กลับมีที่ว่างเป็นรูปวงกลม ไม่มีต้นไม้อะไรขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงมีช่องโหว่ ณ จุดนี้
ปริศนานี้ไม่ใช่ข้อแรกของโฮยา บาชิว หากคุณเดินเข้าไป อเล็กจะชี้ให้เห็นต้นไม้จำนวนหนึ่ง ที่มีลักษณะบิดงอ เหมือนคนปวดร้าว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างทุรนทุราย
เพียงแค่ได้เห็นก็ถึงกับขนลุกน่าหวาดกลัวแล้ว
ในปี 1968 มีเจ้าหน้าที่กองทัพอ้างว่าถ่ายภาพของยูเอฟโอ ได้ในป่าแห่งนี้ เขามีภาพถ่ายชัดเจน หลักฐานหนักแน่น พร้อมยืนยันว่าเห็นมันกับตา
อย่างไรก็ดีสุดท้ายเจ้าตัวตกงาน ถูกปลดออกจากอาชีพทหาร ตามคำสั่งของพรรคคอมมิวนิสต์โรมาเนีย มีทฤษฎีสมคบคิดระบุว่า รัฐบาลต้องการปกปิดข้อมูล เพราะระหว่างนั้น ก็มีนักวิทยาศาสตร์ออกสำรวจป่าแห่งนี้อย่างละเอียด เพื่อหาว่ามีความพิศวงอะไรบ้าง
แต่เมื่อเขาเสียชีวิตในปี 1993 หลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับโฮยา บาชิว ที่เจ้าตัวเก็บสะสมไปทั้งชีวิต กลับอันตรธานหายไป โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกอย่างถูกโยงไปที่รัฐบาล พวกเขาต้องการเก็บความลับในป่าแห่งนี้หรือเปล่า
ไม่มีใครรู้ เพราะรัฐบาลไม่เคยตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมา
อเล็กขัดจังหวะนักข่าวในการหาข้อมูล พร้อมเรื่องเล่าสยอง ในป่าแห่งนี้อีกเรื่องหนึ่ง เจ้าตัวบอกว่าสิ่งพิศวงที่คนกระซิบกระพือเกี่ยวกับโฮยา บาชิวนั้น มันทำให้เขาต้องรักษาระยะห่าง เพื่อสุขภาพจิตของตัวเอง เพราะบางเรื่อง ก็น่าผวาเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือเท็จ ดังเช่นเรื่องนี้
ครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ เข้ามาในป่าแห่งนี้ แล้วหายตัวไป ครอบครัวและชาวบ้านในละแวก ต่างออกตามหา แต่ไม่มีใครพบตัว ไม่มีร่องรอย ไม่มีหลักฐาน พลิกผืนป่าเพียงใด ก็ไม่มีใครพบ
ผ่านไป 5 ปี อยู่ดีๆ ก็มีผู้พบเด็กหญิงคนนี้เดินออกจากป่า ยังคงอายุ 5 ขวบเหมือนเดิม ท่ามกลางความตกตะลึงของครอบครัว และคนในชุมชน สร้างความประหลาดใจปนขนลุกอย่างยิ่ง
เพราะหนูน้อยไม่ได้โตขึ้น หรือแก่ลง ยังเป็นเด็กอายุเท่าเดิม และใส่ผ้าตัวเดิม ที่เดินเข้าไปในโฮยา บาชิว และที่สำคัญ เธอจำไม่ได้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะเดินเข้าไปในป่า
“นักวิจัยบอกว่า พื้นที่ตรงนี้ มีปรากฏการณ์พิศวงบางอย่าง ที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยคำตอบทางวิทยาศาสตร์”
หลังจากนั้น มัคคุเทศก์หนุ่มได้บอกนักข่าวที่มาลงพื้นที่ว่า
“อยากลองมาสำรวจที่นี่ ตอนกลางคืนไหมล่ะ ผมมีบริการด้วยนะ”
3.
ปกติแล้ว มัคคุเทศก์หนุ่มจะจัดให้มีการเดินป่า จัดโปรแกรมสำรวจในช่วงกลางวัน ซึ่งเพียงแค่นี้ มันก็ชวนขนลุกแล้ว เพราะความวังเวงของโฮลา บาชิว เหล่านักท่องเที่ยวจะได้เดินไปตรงวงกลมปริศนากลางป่า ที่ไม่มีพืชพรรณใดๆ เติบโตขึ้นมาตรงนั้น เพียงแค่คุณไปยืน ณ จุดนั้น มันก็สร้างความหวาดผวาให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ทว่าใครอยากลองของ อเล็กก็จัดให้ได้ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามค้างคืนโดยเด็ดขาด
6 โมงถึง 4 ทุ่ม คือช่วงเวลาที่มัคคุเทศก์และทีมงานกำหนดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสดื่มด่ำโฮลา บาชิวยามราตรี หากว่ากลางวันน่าขนลุกแล้ว
กลางคืนยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
อเล็กเล่าว่า หลายครั้งเขาพบว่านักท่องเที่ยว เกิดอาการประสาทหลอน ทั้งมีอาการวิตกกังวล คลื่นไส้ จนต้องพาออกจากป่าแห่งนี้ทันที
เมื่อสอบถามก็ได้คำตอบว่า พวกเขารู้สึกเหมือนถูกคนจ้องมา จากในนั้น
ไม่เพียงเท่านั้น สัญญาณมือถือหลายคราก็ขาดหายเป็นช่วงๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
“บางทีพวกเขาก็เห็นภาพหลอน จากความมืดและต้นไม้ที่บิดเบี้ยวในป่าแห่งนี้”
หลายคนบอกว่าเขาเห็นคนใส่ชุดโรมาเนียโบราณ เดินอยู่ในความมืดนั้น
นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ไม่มีการจัดทัวร์ตั้งแคมป์ในป่าแห่งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะอเล็ก ไกด์หนุ่มไม่ชอบยามค่ำคืนของโฮลา บาชิวด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสัมผัสบรรยากาศนั้น โดยเจ้าตัวบอกกับนักข่าวว่า ครั้งแรกที่นอนค้างคืนกับเพื่อน ณ ที่แห่งนี้ ปรากฏว่าพวกเขาถูกปลุกด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายม้า หรือไม่ก็กวางที่ตัวใหญ่มากๆ วิ่งอยู่รอบๆ เต็นท์
เมื่อใช้ความใจกล้า รูดซิปเปิดออกไปดู
ทุกอย่างกลับเงียบกริบ มีเพียงความมืดและความเงียบดังสนั่นขนลุก
เมื่อกลับเข้าไปในเต็นท์ แล้วตั้งหน้าตั้งตาหลับ ก็จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ดังขึ้นมาอีกครั้ง พอโผล่หัวออกไป
ทุกอย่างก็เงียบกริบ
แน่นอนว่าพวกเขารอถึงเช้า จึงรีบออกไป แต่นั่นไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่อเล็กค้างแรมในโฮยา บาชิว เพราะครั้งต่อมา พวกเขาตัดสินใจค้างแรมอีกรอบ ครั้งนี้ตัดสินใจผูกเปลนอนกัน เพื่อจะพิสูจน์หาให้ได้ว่า ไอ้เสียงปริศนาที่ได้ยินครั้งก่อนนั้น
มันคือตัวอะไรกันแน่
เหตุการณ์ในครั้งนั้น จบลงโดยที่ยังได้ยินเสียงม้าหรือกวางตัวใหญ่วิ่งพล่านส่งเสียงดัง แต่ไม่มีใครเห็นว่า เกิดอะไรขึ้น
พอคลำไปตามเสียงดังกล่าว ก็เจอกับค้างคาวโผบิน
พุ่งเข้าใส่หน้า
เรื่องเล่านี้ จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมการบริการนำเที่ยวในป่าแห่งนี้ จึงไม่มีการนอนค้างคืนโดยเด็ดขาด
4.
ปริศนาของโฮยา บาชิวนั้น นอกจากเรื่องเล่าที่อเล็กบอกกับนักข่าวแล้ว ยังมีรายงานน่าสนใจว่า มีคนพบแสงประหลาด หรือถ่ายรูปติดเงาคนใกล้กับต้นไม้ พอขยายดู ก็ถึงกับขนลุก เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ไม่ใช่คนอย่างเราๆ แน่
ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร
ความพิศวงมากมายนี้ ทำให้ป่าแห่งนี้ มีชื่อเรียกมากมาย เช่น สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งทรานซิลเวเนีย หรือป่าต้องห้าม
ไม่ว่าจะใช้ชื่อแบบใด มันก็ยังมากด้วยเรื่องเล่า ที่เต็มไปด้วยปริศนา ที่ยากจะหาคำตอบเหลือเกิน
ว่ากันว่าตอนหนูน้อย 5 ขวบหายไปในป่า แม้จะไม่มีใครพบตัว แต่ก็มีชาวบ้านได้ยินเสียงเด็กหญิงตะโกนออกมาจากป่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่มีใครพบตัวคนส่งเสียงแต่อย่างใด
มากเรื่องเล่า หลากเรื่องราว ทำให้มีนักท้าผีบุกป่าแห่งนี้เป็นจำนวนมาก หลายคนพบเห็นอะไรแปลกๆ บางคนไม่เจออะไร แต่ทุกฝ่ายที่เข้าไปลองของ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
สถานที่แห่งนี้ มันช่างน่ากลัวจริงๆ
ทั้งนี้อเล็กให้ความเห็นน่าสนใจกับสื่อว่า เพราะปัจจุบัน คนเราใช้ชีวิตในเมืองมากไป ตัดขาดจากธรรมชาติเยอะเกิน พอได้เข้าป่าแห่งนี้ จึงเกิดภาพหลอน ความรู้สึกวังเวง ไม่ชินกับความมืดที่มิดสนิทขนาดนี้ ความเงียบที่เพียงลมพัดใบไม้ก็หนวกหู
สารพัดความไม่คุ้นเคยเหล่านี้ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดอาการหลอน จนคิดไปเอง ภาพในหัวต่อเติมเข้ากับจินตนาการ จนคิดว่าเห็นผี พบปีศาจ และถูกหลอกโดยอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่คน
ยิ่งผสมกับเรื่องเล่าแดรกคูลาในเมืองแห่งนี้ ความหวาดกลัวในจิตใจ จึงสะสม จนทำให้บางคนเกิดจิตฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งจนเสียสติก็มี
กระนั้นก็ตาม อเล็กยังคงมีนักท่องเที่ยวใช้บริการ เข้าไปสัมผัสความสยอง ณ ป่าแห่งนี้ อยู่เป็นประจำ
มันมีเรื่องเล่าจากนักพิสูจน์ผี ในป่าแห่งนี้บอกไว้ว่า ระหว่างนอนค้างแรม พวกเขาก็ประสบกับอะไรบางอย่างที่ตอบไม่ได้ โดยทีมงานเห็นแสงพุ่งจากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่ง นักล่าผีคนหนึ่งถลกเสื้อแขนยาว แล้วพบแผลเต็มแขน เขาบอกว่าช่วงจังหวะที่แสงดังกล่าวพุ่งออกมานั้น เขาได้ยินเสียงผู้หญิงพูดอยู่ด้านหลัง
เมื่อหันไปก็ไม่พบใคร
เรื่องที่น่ากลัวสุดที่เขาเคยได้ยินในป่าแห่งนี้ก็คือ เรื่องของเพื่อนมัคคุเทศก์ที่เคยจัดทัวร์กลางคืน แล้วไปกับชายคนหนึ่ง ซึ่งหมกมุ่นในเรื่องความตายมากๆ
“เขาบอกว่าโคตรจะสุขใจแค่ไหนที่ได้เห็นคนกำลังจะสิ้นชีวิต หรือดูมันตาย”
ประโยคเรียบๆ แฝงความสยอง สร้างความผวาให้กับมัคคุเทศก์อย่างมาก ขณะนั้นเขากำลังพาเดินในป่าพิศวงและมีลูกค้าเพื่อนร่วมทางเป็นคนวิปลาส
“มันเหมือนเดินอยู่กับฆาตกรโรคจิตเลย ช่างเป็นคืนที่ยาวนานมากสำหรับเพื่อนผม”
บางทีป่าอาจจะน่าพิศวงแล้ว แต่บางครั้งมนุษย์เรายิ่งมากปริศนากว่า
“ป่าแห่งนี้ มันก็แค่ทำให้คุณหลอนเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณมีสันดานปีศาจอยู่ในใจ สถานที่แห่งนี้ ก็แค่เปลือยตัวตนคุณออกมาเท่านั้นเอง”
ทุกวันนี้อเล็กยังคงจัดทัวร์โฮยา บาชิว มีลูกค้าเนืองแน่น ขณะที่ไพรมหากาฬ ก็ยังพบนักล่าพิสูจน์ผีเข้าไปสำรวจ พร้อมกับมีคนเจอเรื่องปริศนาขนหัวลุกอยู่ทุกครา ที่มันเปิดรับคน ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
ก่อนจะจากลา นักข่าวถามมัคคุเทศก์หนุ่มว่า เขากลัวโฮยา บาชิวหรือไม่ เจ้าตัวได้ตอบว่า
“นี่คือประเทศเจ้าของตำนานค้างคาวดูดเลือด และจงจำไว้ว่าสิ่งที่น่ากลัวสุด คือสิ่งที่ทำให้คนเราสติแตกได้”
อเล็กหันไปมองป่าพิศวงนี้ ก่อนบอกกับสื่อ ตอนเดินเข้าไปในนั้น บางคราวจิตใจมันก็คิด ความผวามันก็สะกิดเตือน
“และบางครั้งผมก็หลอน คิดว่าจะมีผีพุ่งออกมาจากหลังต้นไม้เหมือนกัน”
อ้างอิงจาก