นี่คงถือได้ว่าเป็นอีกเกียรติตำรวจของไทยอย่างหนึ่ง ในฐานะของผู้ที่เรียกว่าตนเองว่า ‘ผู้พิทักษ์สันติราษฎร’ แต่ไปพิทักษ์ความมั่นคงรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่ายเผด็จการอย่างขมีขมันขยันขันแข็ง ด้วยการกดปราบกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลหลายครั้งหลายครา รวมทั้งขจัดขัดขวาง ขบวนกี v4′ หรือม็อบเฟมินิสต์ LGBTQ จนงานต้องยุติกลางคัน ทั้งๆ ที่สาระสำคัญของการชุมนุมในครั้งนี้คือ สิทธิสถานภาพทางเพศ ความเท่าเทียมทางเพศไม่ว่าจะ LGBTQ หญิงชาย สิทธิเนื้อตัวร่างกายของประชาชน และแน่นอนรวมถึงการบริหารที่ไม่บริหารจัดการของรัฐบาลทรราชย์ที่ลดทอนคุณภาพชีวิตประชาชาตกต่ำลงเรื่อยๆ
และเป็นอีกหน้าหนึ่งประวัติศาสตร์ของขบวนการเคลื่อนไหว LGBTQ ที่ครั้งหนึ่งถูกคุกคามขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
‘ขบวนกี V4’ คล้ายๆ gay pride ที่ทั่วโลกจะจัดกัน มีกิจกรรมทั้งคาร์ม็อบและเวทีปราศรัย รวมทั้งการแสดงร่ายรำบันเทิง ดนตรี กำหนดการเริ่มในวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม ปี ค.ศ.2021 (ก็ปีนี้แหละ) ตอนบ่าย 2 ที่สีลม 2 ชุมชนเกย์และเพื่อนสาว
ตั้งแต่บ่ายกลุ่ม LGBTQ ต่างก็มาร่วมยาตราทัพรักเสรีมีพลัง จุดไฟหวังสร้างโลกใหม่ให้โสภี
ในช่วงเริ่มต้นงานมีทั้งโชว์แดร็กควีน เต้นรำเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนปล่อยขบวนคาร์ม็อบที่ธงรุ้งและธงสัญลักษณ์ LGBTQ ต่าง ๆ ที่ต่างพลิ้วไสวลู่ไปตามลมโบก เดินทางมาถึงเวทีปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่นี้ห่มด้วยธงรุ้งขนาดมหึมา
แต่ปัญหามันก็เริ่มที่ตำรวจอีกนั่นแหละ ตั้งแต่ก่อนบ่าย ระหว่างที่บรรดาเก้งกวางบ่างชะนีแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมสวย เตรียมธงเตรียมรถ ก็เกิดเหตุรถขบวนส่วนหนึ่งที่ขนเครื่องเสียงสำหรับจัดกิจกรรม ถูกตำรวจสกัดไม่ให้เข้าพื้นที่ ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า จนสามารถดำเนินการต่อและเคลื่อนขบวนสีรุ้งพุ่งออกไปได้สำเร็จ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะพระบารมีหรือกฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้ของพระกะเทยเทวาธิราชที่ไหน หากแต่เพราะการร่วมมือร่วมใจของกลุ่มต่างๆ ที่ร่วมจัด ทำให้คารวาน LGBTQ มาถึงตรงเวลาที่นัดหมาย ไม่ใช่เวลากะเทยสากล
แต่พอเตรียมเวทีเท่านั้นแหละ กลุ่มอาชีพที่เรียกว่าพิทักษ์สันติราษฎร์ก็พยายามขัดขวางให้ย้ายเวทีไปตามความต้องการของพวกเขา ถ้าไม่ย้ายเวทีก็ให้ผู้ชุมนุมไปนั่งที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าเวที อิหยังวะ ?! เวทีหันหน้ามาทางนึง แต่จะให้คนฟังหันไปอีกทาง งงกับการใช้ทักษะการใช้ตรรกะความคิด ตอนสอบเข้าตำรวจผ่านข้อสอบความสามารถทั่วไปได้ไงคะ? แต่พอกลุ่ม LGBTQ ไม่สยบยอมทำตาม ก็ขู่ว่าจะเอา คฝ.มาลง ราวกับว่านึกอยากจะใช้กองกำลังจัดการกับประชาชนเมื่อไหรก็ได้
เพราะประชาชนมามือเปล่าอย่างมากก็มากับขนนก ธงรุ้ง และมง
เช่นเคย เจ้าหน้าที่อ้างว่าตนปฏิบัติตามหน้าที่ การชุมนุมปิดถนนทำให้ประชาชนเดือดร้อน อันที่จริงอีการปิดถนนเนี่ยะ มันมีเหตุการณ์อื่นปิดถนนทางเดินสาธารณะประชาชนหลายครั้งหลายครา ไม่ใช่แค่ม็อบเท่านั้น เผลอๆ ไม่เห็นตำรวจหน้าไหนมาขัดขวางเลยแถมอำนวยความสะดวกอย่างว่าง่ายด้วยซ้ำ ไม่เห็นออกมาบอกว่าประชาชนเดือดร้อนเลย เกิดจะมีจิตสำนึกห่วงใยความเดือดร้อนประชาชนเฉพาะตอนจัดม็อบ และไอ้ที่ออกมาม็อบกันเนี่ยะก็ประชาชนเหมือนกัน แต่กลับพูดราวกับว่าผู้มาชุมนุมประท้วงไม่ใช่ประชาชนซะงั้น และก็เพราะเดือดร้อนนี่แหละ และเจ้าหน้าที่ไม่เห็นจะทำอะไรได้เนี่ยะ ประชาชนถึงออกมาม็อบ
LGBTQ โดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ทั้งการเลือกปฏิบัติ กดทับกดขี่ ด่าทอพูดกระแทกแดกดัน คุกคาม เรื่องแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก ผู้ชุมนุมยืนยันที่จัดกิจกรรม เวทีเดิม ผู้ฟังที่เดิม เชิดใส่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัย
ธีมหลักของงานนี้คือ ‘เปลือย’ ทั้งการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเปลือยเนื้อตัวร่างกาย และเปลือยให้เห็น อคติ ความอยุติธรรม ปิตาธิปไตยและรักต่างเพศนิยมที่ครอบคลุมกฎหมาย สังคม การศึกษา และสถาบันต่างๆ ทางการเมือง และปลดเปลื้องมันทิ้งซะ ผู้ปราศรัยพูดถึง non-binary สมรสเท่าเทียมด้วยการแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 ให้เป็นบุคคลสมรสกับบุคลได้ แทนชายกับหญิง พูดเรื่องความรุนแรงทางเพศแม้แต่โดยสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา เยาวชนนักเรียนที่ถูกรัฐกดขี่ใช้ความรุนแรง เด็กที่เรียกร้องวัคซีนที่ปลอดภัยแต่ถูกกดปราบด้วยกฎหมายแทน ความโหดร้ายของ sodomy law พูดถึงสิทธิสถานภาพพนักงานบริการทางเพศ แรงงานที่ถูกกดขี่ สิทธิผู้ต้องขังในเรือนจำ และมาตรา112 ทั้งกระบวนการในการใช้และตัวบทกฎหมาย ปราศรัยสลับการดนตรีและการแสดง
มีนักเรียนหญิงที่กล้าหาญชาญชัยขึ้นปราศรัย เธอโกนหัวประท้วง สละทิ้งผมสลวยของเธอ ประท้วงรัฐบาลเผด็จการที่บริหารประเทศจนคนเดือดร้อนตายเป็นเบือ เธอกล่าวว่าเธอเสียผมไปก็งอกขึ้นมาใหม่ได้
แต่ชีวิตที่ต้องเสียไปเพราะการกระทำของรัฐบาล เสียไปแล้วไม่สามารถกลับคืนมาได้
กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่หาย ไม่จม ไม่บ้ง ไม่ตุย ฟ้าฝนก็เป็นใจ อากาศไม่ร้อน ฝนไม่ตก แดดร่มลมตก ทว่าเหมือนมีมารผจญทำให้กิจกรรมเป็นอันต้องยุติกลางคัน เนื่องจากนอกบริเวณชุมนุม ตรงแยกผ่านฟ้าลีลาศ ตอน 1 ทุ่ม เกิดเสียงตูมตามหลายครั้ง เพราะมีกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายขว้างปาข้าวของใส่กลุ่ม คฝ.ที่ประจำการณ์กันแล้วที่เชิงสะพานผ่านฟ้าและเกิดการปะทะกัน นำไปสู่การใช้แก๊สน้ำตา จากนั้น คฝ. ก็ตั้งขบวนเตรียมมุ่งหน้าสู่กลุ่มผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ ขณะเดียวกันกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊สที่ได้ขอขึ้นเวทีปราศรัยตอนช่วงท้ายกิจกรรม ก็วิ่งมากระหืดกระหอบมาบอกทีมจัดงานว่าการปะทะกับคฝ.นั้น ไม่ใช่ฝีมือพวกผมๆ พวกมันมาจากไหนไม่รู้ พี่ๆ ต้องเชื่อผมนะๆ
ทางผู้จัดงานจึงต้องประกาศยุติงานกลางคัน ทั้งๆ ที่ได้มีการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไว้แล้วว่าจะจัดงานถึง 2 ทุ่ม และยังไม่ถึงกิจกรรมไฮไลต์ แต่ด้วยเห็นว่า มีความพยายามยั่วยุให้ คฝ. ใช้ความรุนแรง เข้ามาสลายประชาชน ที่มาชุมนุมอย่างสันติและเพื่อแสดงจุดยืนถึงสิทธิทางเพศและความหลากหลายทางเพศเท่านั้น ขณะที่ คฝ. มีอาวุธยุโธปกรณ์พร้อมสรรพ (ที่มาจากภาษีประชาชนเอง) และจากเหตุการณ์ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วถึงความบ้าคลั่งอำมหิตของกลุ่มคฝ. ที่แผลงฤทธิ์ไล่ยิงทุบตีทำร้ายประชาชนอย่างเลือดเย็น ย่อมไม่ปลอดภัยต่อประชาชนที่มาชุมนุมมือเปล่าอย่างแน่นอน
ขบวนกี V4 ต้องยุติลงทั้ง ๆ ที่มีกิจกรรมเหลืออีกมากมายและผู้ปราศรัยที่ยังไม่ได้ขึ้นเวที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐพยายามกีดกันการพูดถึงสิทธิความหลากหลายทางเพศ ด้วยเห็นว่ามันไปสั่นคลอนความมั่นคงของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ นายที่พวกเขารับใช้อย่างว่าง่ายภักดี คราวหลังรัฐประหาร 2557 ไม่นาน ในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ.2558 มีงานเวทีเสวนาวิชาการว่าด้วยความหลากหลายทางเพศ หัวข้อ “Gender&LGBTIQs in Modern Society” ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เกิดความพยายามระงับการจัดงานโดยเจ้าหน้าที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมที่ฝักใฝ่ระบอบเผด็จการ ถึงกับล็อคประตูไม่ให้จัดงาน จากนั้นก็มีตำรวจ ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบจากมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ รุดเข้าตรวจสอบงานเสวนา กำชับผู้จัดงานและวิทยากรห้ามพูดประเด็นทางการเมือง
เห็นได้ชัดว่า ภายใต้การเมืองของรัฐบาลเช่นนี้ ยากที่ LGBTQ จะได้มีโอกาสยกระดับสิทธิสถานภาพได้เท่าเทียมกับเพศอื่นๆ และประชาชนไม่เพียงเดือดร้อนจนมีคนทยอยล้มตาย เจ้าหน้าที่รัฐเองก็ลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองลง แถมยังตั้งตนเป็นศัตรูกับผู้ชุมนุม ออกมาสั่งมาห้ามอะไรประชาชนเค้าไม่ให้ค่า ไม่ฟังกันแล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก