ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้พู ดประโยคนี้ออกมาจริงๆ
“มีอะไรไปคุยกับทนายค่ะ”
โอ้โห มันช่างเป็นเรื่องเกินกว่าจะคาด คิดของผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ทำมาหากิน ใช้ชีวิต สุข เศร้า เหงารักไปตามเรื่องตามราว
โดยรูปประโยคนั้นเป็นการบอกเล่า แสนจะธรรมดา เหมือนคำตอบเวลามีใครมาถามหาทาง ไปห้องน้ำ หรือขอความเห็นว่ามื้อกลางวันจะ กินอะไรกันดี แต่โดยความหมายนั้นรวมเอากระบวน การชวนทึ้งหัวต่างๆ มากมายมาไว้ ด้วยกัน
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
จินตนาการสำคัญกว่าความจริง
อยู่ๆ ก็นึกถึงโควทอันลือลั่นที่
บรรทัดแรกน่ะไอน์สไตน์ บรรทัดถัดมานี่ อินทิรา สไตล์เองค่ะ
หลายคนชอบถามว่า, ทำไมฉันถึงทนมาได้ตั้งน้านนาน ไม่อึดอัดหงุดหงิดบ้างหรือไงเวล
ก็ต้องบอกว่าจริงๆ ฉันนั้นเป็นคน
ดังนั้นการจะมานั่งเช็กข่าวหรือ
หลายคนบอกว่าเป็นคนของประชาชน เป็นบุคคลสาธารณะก็ต้องโดนอะไรแ
บบนี้ แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ ว่ารถส้วมของกทม.ยังมีคนเข้าใจ เห็นใจ และดูแลเอาใจใส่มากกว่าจิตใจฉัน เลย และที่สำคัญที่สุดของที่สุดก็คือ ฉันดันเป็นคนเชื่อมั่นในความจริ งและธรรมชาติด้านดีของมนุษย์
ก็เลยใช้ชีวิตลอยละล่องอยู่ในโล
เนี่ย แค่นี้ฉันก็รู้สึกว่าฉันพูดความ
ซึ่งเป็นเรื่องโง่มากที่เชื่ออ
กว่าฉันจะเรียนรู้ว่าคนเขาก็เชื่ออย่างที่เขาอยากเชื่อมากกว่าข้
ฉันเคยแจ้งตำรวจเพื่อการลงบันทึ
คนที่ด่าก็ด่าเหมือนเดิม ฉันก็ไปแจ้งความอีกเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่สถานีตำรวจท้องที่รับ
ฉันเคยเชื่อว่ากระบวนการต่างๆ เห
เสียใจค่ะ ที่นี่ไม่ใช่แอสการ์ด
แถวนี้แม่งเถื่อน ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ คือมันมีอะไรบางอย่างเป็นกระจกใ
เมื่อครั้งแรกที่ฉันไป ฉันก็พาเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง ตัวเพื่อนนั้นเป็นคนบอกฉันเอง ว่าเฮ้ยๆ แกโดนด่าว่ะ อันนี้หนัก จะพาลซวยไปด้วยถ้าแกยังไม่ออกแอ
อะ ได้
งั้นเราไปแจ้งความกัน
ก็ได้ๆ
ไปแจ้งที่ไหนดีวะ?
เพื่อนก็ชี้ทางสว่างว่านี่ไง ปากซอยสำนักงานที่ฉันกับแกนั่งอ
อะ ได้ ก็ขับรถไปกันอึนๆ เด๋อๆ ไปถึงก็บอกตำรวจว่ามาแจ้งความค่
เอ้า ฉันก็รอ
ระหว่างรอฉันก็โพสต์ลงเฟซบุ๊กไปตา
พอนักข่าวมาถึง (อย่างรวดเร็วจนฉั
เอ้า ถ้าฉันรู้จัก ฉันก็โทรกลับไปด่าแม่ เอ้ย ปรับความเข้าใจกับเขาแล้วสิคะ นี่มันไม่รู้ว่าเป็นใครน่ะ เลยต้องมาถึงมือผู้พิทักษ์ฯแบบนี้
ถ้าไม่รู้จัก แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาด่า
เอ้า!! ก็ฉันไม่ได้เป็นคนทำในสิ่งที่เข
มาถึงตรงนี้คุณตำรวจชะงักกึก นักข่าวที่ถ่ายรูปอยู่ก็พลอยชะงั
“ออฟฟิศอยู่ซอยอะไร?”
อันนี้ฉันก็เลิ่กลั่ก หันไปขอตัวช่วยจากเพื่อน เพื่อนก็ตอบไป คุณตำรวจครุ่นคิดอยู่เสี้ยวอึดใ
ค่ะ ขอบคุณที่บอกและให้ความรู้เชิงภู
“คุณต้องไปแจ้งที่เขตท้องที่ที่
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
นี่มันใช้หลักการเดียวกันกับทุก
ประเภทว่าฉันถูกกระทืบมาปางตาย ตะกายพาสังขารมาถึงสถานีตำรวจแต่
อย่างหนังสือพิมพ์ไปขายถึงไหน ที่นั่นก็เป็นที่เกิดเหตุ มันจึงมีการแกล้งไปฟ้องหรือแจ้ง
ความกันข้ามจังหวัด ไปแจ้งที่ยะลา แม่ฮ่องสอนได้ แต่ที่ตำรวจเกี่ยงงอนแจ้งความ เป็นเพราะ อาจจะไม่อยากรับผิดชอบเป็นเจ้าข องสำนวน ต้องทำคดี
ไม่จริงงงงงงงงงงงง ฉันไม่เชื่อหรอก!!
นี่ฉันอยู่ในโลกที่ทุกคนเอื้ออา
คุณร้อยเวรก็อธิบายฉันด้วยศัพท์
ใครอีกล่ะ
มันต้องมีใครที่มากกว่านี้อีกหรื
ก็ฉันไม่รู้จักใคร
ฉันรู้ว่าฉันโดนด่า อาฆาต ลำเลิกเบิกประจาน ใส่ร้ายหาความในสิ่งที่ฉันไม่ได้
แต่ดูเหมือนว่ามันก็ยังไม่พอ
ก็นั่นล่ะ, สุดท้ายฉันก็ได้ใบลงบันทึกประจำ
คนเข้าใจน่ะมีอยู่ และฉันก็ขอบคุณมากสำหรับทุกกำลั
เฮ้อ
เหนื่อยมากจริงๆ คุณ
เหนื่อยถึงขั้นเข้าใจว่าทำไมถึง
เหนื่อยถึงขั้นเข้าใจว่าทำไมบาง
มาถึงปี 2560
เรื่องก็เหมือนเดิม
กระบวนการก็เหมือนเดิม
ฉันแค่ฉลาดขึ้นนิดหน่อยตรงรู้แ
ฉันรู้ว่าคดีฉันมันมโนสาเร่ หาสาระอะไรไม่ได้ แต่ฉันก็ต้องทำน่ะ ไม่ได้หวังหรอกนะ ว่าคนจะคิดได้แล้วรักฉันขึ้นมา หรือพอรู้ความจริงว่าฉันไม่ได้เ
แต่เรื่องบางเรื่องมันต้องทำเพร
ก็โดนด่าเหมือนเดิม
ก็อยู่กันไปแบบนี้เหมือนเดิม
แต่อย่างน้อยฉันก็ได้เรียนรู้แล ะเติบโตขึ้นไงเล่า ว่าตรงไหน อยู่ในท้องที่การดูแลของตำรวจสถ านีไหน เวลาจะขาดใจตาย จะได้ไปตายให้ถูกที่ ไม่งั้นเห็นทีจะกลายเป็นผีเฝ้าส น. ไม่มีญาติมาทำบุญให้เพราะหากันไ ม่เจอ ต้องอาศัยกินน้ำแดงไหว้ตามสามแย กไปวันๆ เท่านั้นเอง
สำหรับตอนนี้ คดีก็อยู่ตรงที่ที่มันอยู่นั่นแ หละค่ะ
และแน่นอนว่า… “มีอะไรไปคุยกับทนายนะคะเอฟวรี่ บาดี้~”