ขณะที่บรรดานิตยสารทะยอยล้มหายตายจากไปพร้อมกับการเกิดขึ้นใหม่ของนิตยสารและสำนักข่าวออนไลน์ที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารรอบโลกได้เพียงเอานิ้วเขี่ยอ่านไปมา ชวนให้คิดถึงหนังสือโป๊ตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งดับขันธ์ เพราะถูกแทนที่ด้วยหนังแผ่นและคลิปหลุด
ก่อนจะถึง digital age ก่อนที่มนุษย์จะสามารถเข้าถึงคลิปและภาพโป๊ต่างๆ ได้ด้วยกระบวนการเดียวกับอ่านข่าวออนไลน์ ในยุคทองของหนังสือโป๊นั้น ซึ่งอาจจะคู่ไปกับยุคทองของร้านหนังสืออิสระ ที่หนังสือโป๊บางหัวถูกขายร่วมกับหนังสือพิมพ์นิตยสารกันทั่วทุกมุมเมือง มีทั้งมือ 1 มือ 2 มนุษย์ และในยุคนั้นมนุษย์ยังคงมีสัญชาตญาณในการแอบซ่อนหนังสือโป๊ตามพื้นที่ปลอดภัยภายในบ้าน บนฝ้า ใต้ฟูก หรือลึกสุดของตู้เสื้อผ้า
ก่อนที่มนุษย์จะเปลี่ยนมาเสพ VDO (รู้จักกันมั้ยจ๊ะ) และแทนที่ด้วย VCD DVD ที่ไม่เพียงลดจินตนาการเพราะมันให้ภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริงแถมมีเสียง ยังกะทัดรัดซ่อนง่ายกว่า แล้วก็ตายตกไปตามกันกับหนังสือโป๊ เมื่อเราสามารถดูออนไลน์ โหลดดูได้ผ่านสมาร์ทโฟน
แต่ที่อมตะกว่าคือชุดอธิบายว่า หนังสือโป๊เป็นสื่อลามก สารเสพติดของพวกหมกมุ่นหื่นกาม เป็นปัจจัยและส่วนหนึ่งของอาชญากรรม ทำให้เกิดคดีข่มขืน (อันที่จริงข่มขืนมันไม่ใช่เรื่องหื่น แต่เป็นเรื่องล่วงละเมิดสิทธิ เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะหื่น แต่ไม่มีสิทธิข่มขืนใคร)
คำถามดักแก่ในวันนี้คือ… หนังสือโป๊ที่เคยอ่านชื่ออะไรบ้าง?
สาว24 เพ็ญพักตร์ สะบัดช่อ นวลนาง ดาหวัน เฟี้ยว…
หนังสือโป๊ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมสำเร็จความใคร่เฉพาะบุคคลเท่านั้น แต่มันยังคงมีอรรถประโยชน์คุณูปการมากมายและพลวัตในระดับมหภาค และกาลเวลาก็ได้ทำให้มันกลายเป็นของสะสมเช่นเดียวกับ บรั่นดี เครื่องลายคราม สังคโลก พระพุทธรูป
เบื้องต้น ในขณะที่ตำราเพศศึกษาภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ สอนเพียงแค่ วิวัฒนาการตามช่วงวัย ป้องกันโรค ป้องกันท้อง ปฏิเสธยังไง ทำแท้งเจ็บแค่ไหน คลอดลูก ทำความสะอาด แต่ไม่ได้สอนเพศเพื่อความหฤหรรษ์ โอ้โลมประติโลม กอดจูบลูบอมอย่างไรให้เกิดความสุข แต่หนังสือโป๊ทำได้ มันจึงเป็นวิชาเพศศึกษาที่ว่าด้วยเพศ นอกเหนือการตีของเนิร์ดและ ‘คนดี’ ทั้งหลาย
บรรดาหนังสือโป๊สำหรับเก้งกวาง ‘มิถุนา’ ‘มายเวย์’ ‘นีออน’ ‘มิดเวย์’ ‘เมล’ ที่เริ่มผุดพรายในประเทศไทยตั้งแต่ทศวรรษที่ 80 ก็มีคอลัมน์สารคดีให้ความรู้เกี่ยวกับ HIV Aids ก่อนที่โรคนี้จะนำเข้ามาซะอีก ก็เพื่อให้ความรู้การป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมของความหลากหลายทางเพศ ในยุคที่การละเมิดสิทธิเสรีภาพคนรักเพศเดียวกัน เลือกปฏิบัติทางเพศทำกันอย่างเอิกเกริก เช่น นิตยสาร Male ฉบับที่ 32 ในปี1996 ก็ว่าด้วยการกีดกันเกย์ประกอบอาชีพครูบาอาจารย์
ในโลกแห่งการอ่านหนังสือโป๊ บรรดาเรื่องเล่าประสบการณ์เสียว เรื่องสั้นปลุกจินตนาการในเล่ม ก็ช่วยลดช่องว่าง สลายชนชั้นในสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำต่ำสูง เพราะมันมักเต็มไปด้วยเรื่อง featuring กันของคนต่างชนชั้นฐานะ คนสวนกับเศรษฐีหม้ายกับลูกสาวเจ้านาย กรรมชีพกับนายจ้าง ช่างแอร์กับเจ้าของบ้าน เมียนายพลกับทหารรับใช้ ครูกับศิษย์ คนขับ taxi กับผู้โดยสารไฮโซ คุณหมอนางพยาบาลกับคนไข้
มันยังทำหน้าที่ปลดปล่อยเยียวยาความอัดอั้นทางจิตใจ ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตจริงของหนุ่มๆ ที่ชาตินี้คงหาสาวๆ หรือประสบการณ์อย่างที่ฝันไว้ไม่ได้ เพราะขี้อาย งุ่มง่าม เก้ๆ กัง ทำไม่เป็น หรือมีข้อจำกัดทางกายภาพและฐานะทางเศรษฐกิจ พระเอกในเรื่องสั้นจึงมีทั้งขี้ริ้วขี้เหร่ บ้านจน อ้วนเตี้ย เช่นเรื่อง ‘เสน่ห์ครูสาว’ (ประมาณ พ.ศ. 2512) โดยนามปากกา ‘นกแก้ว’ พรรณนาว่า “ทิพวรรณคุณครูสุดสวย ได้กับนายทวนคนสวนที่เตี้ยดำมะขามข้อเดียวแต่เคียวมโหฬารผิดมนุษย์”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันก็ทำหน้าที่ผลิตซ้ำอุดมการณ์สังคมปิตาธิปไตย(patriarchy) และมายาคติแบบชายเป็นใหญ่ เพราะมันผลิตมาเพื่อเป็นอุปกรณ์เสริมสำเร็จความใคร่โดยและเพื่อตอบสนองตลาดผู้ชายรักต่างเพศ
ไอ้จ้อนจึงต้องใหญ่โตมโหระทึก เป็น ‘เจ้าโลก’ ด้วยความเชื่อว่าผู้หญิงต้องการ[1] เหมือนกับที่มีหนังสือโป๊ในช่วง พ.ศ. 2528-2529 ชื่อ ‘เปิดบริสุทธิ์’ ซึ่งสะท้อนสำนึกเปิดซิงสาว virgin เป็นความน่าภาคภูมิใจ
รูปเล่มและแม้แต่ชื่อของมันก็สะท้อนถึงวิวัฒนาการทางสังคมวัฒนธรรม
เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2481-2487 ได้มีนโยบายในการสร้างชาติ ปลุกลัทธิชาตินิยมรัฐนิยม เปลื่อนชื่อประเทศจากสยามมาเป็นไทย กระทั่งในพ.ศ. 2490 ก็มีหนังสือวาบหวิวเจ้าใหญ่ชื่อ ‘ชาติไทย’ ก่อนจะแตกหัวออกมาเป็น ‘ชาติไทย วันอาทิตย์’ และ ‘ชาติไทย วันเกิด’ และภายใต้อำนาจรัฐเผด็จการทหารอันยาวนาน เมื่อหนุ่มสาวผู้เป็นผลผลิตการขยายตัวของสถาบันระดับอุดมศึกษา กลายเป็น genใหม่ที่ทรงอิทธิพลต่อสังคมวัฒนธรรม และระบอบการเมืองการปกครอง จนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ก็เป็นช่วงเวลาขนานไปกับการเกิดขึ้นของหนังสือโป๊ชื่อ ‘แมน’ และ ‘หนุ่มสาว’
ในเล่มไม่เพียงมีภาพปลุกใจเสือป่า แต่ยังมีบทความ เรื่องสั้น กวี และสารคดี นักคิดนักเขียนหลายคนที่กลายมาเป็นตำนานบนบรรณพิภพนี้ได้ ก็เริ่มจากเขียนลงหนังสือประเภทนี้[2]
หนังสือโป๊ที่ขายทั้งบนแผงและหลังร้านต่างทะยอยเกิดดับตามยุคสมัย เป็นวัฏสงสาร จาก ‘วรรณกรรมพิมพ์ดีด’ จนมีรูปภาพ จากภาพขาวดำ มาสู่ภาพสี่สี ก่อนจะพ่ายให้กับหนังแผ่น คลิป และ live ดูกันสดๆจะๆ
การปรับตัวและทำใจจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของหัวหนังสือและบรรณาธิการพึงกระทำมากกว่าฟูมฟายตีอกชกหัวเพรียกหาระบบอุปถัมภ์จากใคร
เหมือนกับครั้งนึงที่นิตยสารผู้หญิงก็ปรับตัว เริ่มขายเรื่องเซ็กซ์ ขายภาพนายแบบ sexyในชุดว่ายน้ำ ไม่ใช่แค่เปิดรับความต้องการทางเพศของผู้หญิง เอาใจแม่บ้านอารมณ์เปลี่ยว แต่ก็เพื่อเปิดตลาดเก้งกวางที่เริ่มมีตัวตนชัดเจนมากขึ้นในสังคม
อ้างอิงข้อมูลจาก
[1] ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์. (2551). หนังสือโป๊ตลาดล่าง : ความรู้ มายาคติ และจินตนาการในเรื่องเพศ. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง.
[2] สัญฐลักษณ์ พงษ์’สุวรรณ. (2545). พี่…พี่…โป๊มั้ยพี่. กรุงเทพฯ : ทิปปิ้ง พอยท์ เพรส, น. 26-29.