ณ เวลานี้มีอยู่ 2 เพลงที่ถูกพูดถึง เพลงแรกแม้เราจะร้องตามไม่ได้ แต่รู้ชื่อเพลง จำเนื้อหาและ MV ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะร้องตามยังไง คือเพลง ‘ประเทศกูมี’ กับอีกเพลงนึงที่จำชื่อเพลงไม่ได้ เนื้อร้องว่าอะไรยังไม่รู้เลย ร้องตามได้เฉพาะท่อนสุดท้าย
“โอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะโอ๊ะย์ โอ๊ะโอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ยยยยย….”
นั่นคือเพลง ‘ครางชื่ออ้ายแน’
สื่อและหนังโป๊กระแสหลักมักผลิตซ้ำว่า เสียงครางเสียงร้องของผู้หญิงถูกเชื่อมสัมพันธ์กับความสุขสมทางเพศ จนแทบจะสามารถครางเป็นเพลงได้และถูกทำให้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘การเสร็จ’ ของผู้หญิง เนื่องจากคุณค่าความหมายของ ‘การเสร็จ’ มักถูกให้ความสำคัญเทไปยังการแตกของผู้ชายเป็นหลัก กรรมกิจเสร็จสิ้นลงเมื่อใดขึ้นอยู่กับการเสร็จของผู้ชายเป็นตัวนับ ในหนังโป๊กระแสหลักก็เช่นกันฉากแตกของดาราชายก็ถือว่าถึงตอนอวสานแล้ว ไคลแม็กซ์ของผู้ชายถือว่าเป็นไคลแม็กซ์ของหนัง ขณะที่การแตกของดาราหญิงก่อนหน้านั้นไม่ได้ให้ความสลักสำคัญอะไร เธอได้แต่กรีดร้องเร้าจังหวะเมื่อนักแสดงชายใกล้ถึงจุดสุดย่อน ก่อนจะครางปนหอบอย่างเสพสมอารมณ์หมายเท่านั้นเมื่อผู้ชายแตกเป็นน้ำพุร้อน
เมื่อหลุดออกจากโลกแฟนตาซีอย่างหนังโป๊ ผลงานวิจัยลงวารสารวิชาการ Archives of Sexual Behavior จากการสัมภาษณ์หญิงรักต่างเพศที่แอคทีฟเรื่องเพศอายุระหว่าง 18-48 ปีจำนวน 71 คน รายงานว่า 87% เธอส่งเสียงขณะมีเพศสัมพันธ์เพื่อเพิ่มเพิ่มพลังความมั่นใจให้กับตนเอง ขณะที่ 66% ที่ครางไปก็ไม่ได้เสียวขนาดนั้นหรอก เป็นเพียงการส่งเสียงเกินจำเป็นเล่นใหญ่เอาใจนิดนึง กรีดร้องเพื่อกระตุ้นให้ฝ่ายชายหลั่งเร็วขึ้น และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็หลั่งตั้งแต่โอ้โลมปฏิโลม[1]
หากเชื่อจากสถิติที่ว่าผู้หญิงร้องดังกว่าผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเสียวมากกว่า ผู้หญิงบางคนส่งเสียงขณะที่เซ็กซ์เพื่อปลดปล่อยความน่าเบื่อ ความเหนื่อยล้าอ่อนแรงความเจ็บปวด ความอึดอัด ขณะเดียวกันก็มีบางนางเขินอายที่จะโอดครวญหรือกรีดร้องเมื่อถึงจุดสุดยอด ในโลกชายเป็นใหญ่ การส่งเสียงร้องอุ๊ยๆ อิ๊ๆ ขณะโรมรันพันตูบางครั้งก็เป็นเพียงการแสดงของผู้หญิงเพื่อเอาใจผู้ชาย เช่นเดียวกับการแกล้งเสร็จของผู้หญิงหรือ fake orgasm เพื่อให้ผู้ชายดีใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเพราะหนุ่มๆ บางคนสนใจแต่การแตกของตัวเองมากกว่าของคู่ เผลอๆ พวกเขาอาจจะประหลาดใจกว่าถ้ารู้ว่าผู้หญิงก็แตกได้
เหมือนกับคำว่า ‘แตกนอก’ ‘แตกใน’ ก็ไม่ได้หมายถึงผู้หญิง หากแต่หมายถึงผู้ชาย
การที่พวกเธอแกล้งเสร็จนั้นก็เป็นอีกผลผลิตของปิตาธิปไตย พวกเธอยินยอมและเกรงใจเขาเสียจนทำให้เขาทำอะไรก็ได้และคิดว่าสิ่งนั้นถูก
แม้แต่จะไม่ได้เรื่องไม่เป็นสับปะรดเลยสักนิดในเรื่องเพศ เธอก็พยายามทำให้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองห่วยแตก เช่นเดียวกับที่บางครั้งจะต้องครางแบบเล่นใหญ่เพื่อให้ฝ่ายชายภูมิใจว่าตนเองเด็ดมาก
ในอีกมิติหนึ่งเสียงร้องของผู้หญิงก็คืออำนาจของพวกเธอ (ในกรณีที่ไม่แกล้งร้องนะ) เป็นคำสั่งของผู้หญิงว่าต้องการให้ผู้ชายทำอะไรไม่ทำอะไร เธอโปรดปรานจุดไหนท่าไหน เสมือนเป็นยุทธศาสตร์ของผู้หญิงที่จะบอกให้ผู้ชายปฏิบัติตามความต้องการของเธอในกรณีที่พวกเธอไม่กล้าบอกคู่ตรงๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร แม้จะฟังไม่ได้ศัพท์แต่เสียงกรีดร้องของเธอก็เป็นภาษาที่สื่อสารเข้าใจได้และสอนให้คู่ร่วมกามกิจตระหนักได้ว่าจุดไหนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ซึ่งผู้ชายเองก็ควรเรียนรู้จากเสียงพวกเธอ
อิ๊ อิ๊อิ๊ อิ๊ อิ๊ย์… อิ๊อิ๊ อิ่อิ๊ อิ๊อิ๊ อิ๊ อิ๊ อี้ววววววว์…
มีงานวิจัยจำนวนมากอธิบายว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทเดียวที่ครวญครางทางเพศ ลิงบาบูนตัวเมียเองก็ร้องระงมเพรียกหาตัวผู้ เสียงร้องพวกเธอจะโหยหวนซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไข่ตกพร้อมจะรับการผสมกับอสุจิ และเสียงร้องก็จะพิสดารมากขึ้นขณะ featuring พวกลิงค่างเองก็กรีดร้องเร้าเร่งให้ตัวผู้หลั่งไวๆ (นี่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมงานศึกษาการครางของมนุษย์ผู้หญิง และบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักศึกษาพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมากชอบเปรียบการกรีดร้องของผู้หญิงขณะร่วมเพศกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ที่โดยธรรมชาติตัวเมียจะส่งเสียงเมื่อติดสัดเพื่อเรียกตัวผู้มาผสมพันธุ์) การแหกปากร้องของผู้หญิงยังถูกอธิบายว่าเป็นการเชียร์สเปิร์มแข่งกันพุ่งเข้าไปรังไข่ สเปิร์มที่แล่นไปถึงก่อนเป็นสเปิร์มที่แข็งแรงที่สุด เหมือนกับที่บาบูนจะให้ตัวผู้ที่แข็งแรงกว่าผสมพันธุ์กับเธอ เพราะบรรดาตัวผู้ที่ได้ยินเสียงร้องก็ต่างกุลีกุจอมาจนเกิดการต่อสู้กัน[2]
แต่การโหยหวนของมนุษย์ซับซ้อนกว่านั้น แม้ไม่ว่าเพศสภาพเพศวิถีใด ขนาดใด ไซส์ใด หลายคู่ก็ครางไปจนถึงคำรามเพื่อแสดงออกถึงความเสียวซ่านเมามัน แต่ในเวลาเดียวกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมพันธ์กับโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง
ผู้ชายแม้แสดงออกเรื่องเพศได้อิสระแต่ก็ถูกสอนให้ควบคุมเก็บอารมณ์ความรู้สึกมากว่า ขณะที่ผู้หญิงถูกสอนไม่ให้แสดงออกทางเพศแต่ก็มักเชื่อว่าผู้หญิงไม่ต้องอั้นความรู้สึกอารมณ์เหมือนผู้ชาย อย่างเช่น โกรธ เสียใจ น้อยใจได้ง่ายกว่า
มันจึงมีทั้งแหกปากราวกับถูกเชือด เอากันอึกทึกครึกโครม ไปจนถึงตั้งโหมดเงียบ ที่ห้ามไม่ให้ร้องดังไม่ใช่กลัวใครนึกว่าทะเลาะวิวาทกันแล้วโทรเรียกตำรวจ แต่เพราะเซ็กซ์เป็นเรื่องลักปิดลักเปิดระดับหนึ่งที่เราไม่อยากให้ใครรู้ว่าไปทำอะไรมา แม้กระทั่งทำกันบนเตียงในห้องส่วนตัว หลายคนก็อุดปากคู่ของตัวเองเพราะเกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยิน
เสียงครางจึงยังสัมพันธ์กับชุมชน สิ่งแวดล้อม สิ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ระดับความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการนอนร่วมกันในโถงใหญ่ นอนในที่แออัด ความเป็นส่วนบุคคลคืออาณาเขตในมุ้งโปร่งแสงบางๆ กั้น การนอนในห้องหับมิดชิด ห้องเก็บเสียง ห้องแอร์ปิดหน้าต่างหรือเปิดหน้าต่างให้ลมถ่ายเทสะดวก นอนในไซต์ก่อสร้าง ในห้องเช่าเพียงฝ้าบางๆ กั้น อพาร์ทเมนต์ หรือบ้านหลังใหญ่มีห้องส่วนตัว ล้วนสัมพันธ์กับระดับเดซิเบลของการมีเซ็กซ์ทั้งนั้น
เสียงครางของเซ็กซ์จึงมีสภาวะเดียวกันเสียงระฆังวัดข้างๆ คอนโด ที่มีทั้งประนีประนอม รอมชอม อดทนกันได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งบางคราว
และในขณะเดียวกันเสียงครางของผู้หญิงก็คือการต่อรองประนีประนอมกับโครงสร้างชายเป็นใหญ่ เธอสามารถสถาปนาตัวตน ประกาศความต้องการของเธอ ที่แม้ว่าจะอยู่วางในสถานะ ‘ผู้ถูกสอดใส่’ แต่เธอก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายเป็นประธานของกิจกรรมฝ่ายเดียว หากแต่เธอเองก็สถาปนาอำนาจและออกคำสั่งให้ผู้ชายปฏิบัติตามที่เธอปรารถนาโดยไม่ต้องออกคำพูดอะไร
“อ้าย อ้ายอ้าย อ้าย อร๊ายยยย อ้ายอ้าย อ้ายอ้าย อ้าย อ้าย อ้าย อ้ายจ๋าาาา”
อ้างอิงข้อมูลจาก
[1] Brewer, Gayle; Hendrie, Colin A. Evidence to Suggest that Copulatory Vocalizations in Women Are Not a Reflexive Consequence of Orgasm.Archives of Sexual Behavior.June 2011, Volume 40, Issue 3, pp 559–564.
[2] Ryan, Christopher; Jetha, Cacilda. Sex at Dawn: How We Mate, Why We Stray, and What it Means for Modern Relationships. USA: HarperCollins, 2010.