เมื่อไม่นานมานี้ มีแคมเปญที่เป็นที่จับตามองแคมเปญหนึ่งใน Change.org นั่นคือการร้องเรียนให้ My Mate Nate ถูกดำเนินคดีทารุณกรรมสัตว์ เจ้าของแคมเปญ ผู้กล่าวว่าตนเองเป็น ‘คนรักแมว’ นั้น ได้ชี้แจงว่าคลิปที่ My Mate Nate ได้กระทำทารุณกรรมสัตว์มีสองคลิปคือ (ใช้คำพูดของเจ้าของแคมเปญนะคะ) “คลิปแมวผูกกับลูกโป่ง ลอยขึ้นฟ้า” และ “คลิปแมงป่องต่อยกับแมว” เจ้าของแคมเปญได้กล่าวว่า “ในฐานะคนรักแมว เราไม่สามารถยอมรับในการกระทำที่ไร้ซึ่งความเมตตา รวมไปถึงหลายๆ คลิปที่คุณได้ทำออกมาเพื่อดูถูกสติปัญญาคนไทย”
ประเด็นเหล่านี้น่าสนใจดีนะคะ แต่ดิฉันจะไม่ขอพูดเรื่องดูถูกสติปัญญาคนไทย ณ ที่นี้ก็แล้วกัน เพราะไม่ใช่สิ่งที่สนใจ ดิฉันขอพูดเฉพาะเรื่องสัตว์กับคนดีกว่า เรื่องสติปัญญาคนไทยอะไรก็คงไม่เกี่ยวในกรณีนี้
ในฐานะที่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับคนอยู่บ้าง ดิฉันก็ต้องบอกก่อนว่าดีใจที่มีคนสนใจเรืองนี้แล้วร่วมลงชื่อในแคมเปญ สำหรับตัวดิฉันเองแล้ว ดิฉันก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการนำสัตว์มาทดลองหรือมาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความอยากรู้อยากเห็นอะไรบางอย่าง ถ้าคุณไม่มีอุปกรณ์ที่พร้อมและป้องกันสัตว์ที่จะทดลองมากพอ วิทยาศาสตร์อาจจะชวนให้คุณทดลองอะไรก็ได้ แต่จริยศาสตร์อาจจะทำให้คุณทำอะไรอย่างระมัดระวัง หรือแม้แต่การตั้งคำถามกับความอยากรู้ของคุณเอง ดิฉันคิดว่า นักชีววิทยาหลายๆ ท่านก็ทดลองโดยระมัดระวังเรื่องสัตว์อยู่เสมอๆ เขาไม่ได้จะทดลองสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่แล้ว จริงๆ ดิฉันก็ดีใจที่ My Mate Nate รู้จักป้องกันแมวบ้าง ในคลิปปล่อยแมวลงจากที่สูงระดับอก ปล่อยลงมาจากแขนน่ะค่ะ ว่าง่ายๆ โดยการปล่อยแมวลงไปบนหมอนที่รองไว้ได้พอดิบพอดี แต่มันก็เสี่ยงอุบัติเหตุเหมือนกัน น่าจะป้องกันมากกว่านี้ ในคลิปผูกแมวกับลูกโป่งก็เหมือนกัน ดิฉันคิดว่าสายรัดตัวแมวมันไม่น่าจะพอดีเลย และการเอาแมวขึ้นที่สูงขนาดนั้นมันก็เสี่ยงอันตรายเหมือนกันนะคะ และเอาจริงๆ ตอนสรุปจบคลิป ก็ไม่ได้หาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากเท่าไรนัก (คลิปที่ดูจะมีมากหน่อยคือคลิปปล่อยแมวลงไปบนหมอน)
ทีนี้มาถึงเรื่องแมวกับแมงป่อง
ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการเอาสัตว์มาเล่นเพื่อความบันเทิงของคนอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยกับความเลือดร้อนรุนแรงของคนที่ออกมาปกป้องแมวเช่นกัน ว่ากันไปทีละประเด็นแล้วกันนะคะ
อย่างแรกก่อนนะคะ ดิฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับเจ้าของแคมเปญเท่าไร เขาเรียกคลิปนี้ว่า “คลิปแมงป่องต่อยกับแมว” กริยา ‘ต่อย’ เนี่ยมันน่าจะใช้กับเวลาที่แมงป่องชูหางขึ้นมาแล้วฉีดเข็มพิษลงไปเหยื่อหรือเปล่าคะ ถ้ามันหนีบเฉยๆ ก็น่าจะหนีบ แต่ในที่นี้ก็ไม่ได้แปลว่าหนีบจะดีนะคะ แต่ก็แค่สงสัยว่าทำไมถึงใช้คำกริยาคำนี้ ทั้งๆ ที่หนีบกับต่อยผลมันค่อนข้างต่างกันมาก ถ้าต่อยเนี่ย แมวก็จะได้รับพิษ ส่วนถ้าหนีบ แมวก็จะไม่ได้รับพิษ แต่อาจจะได้แผล
หลายคนอาจจะบอกว่า อย่ามาเล่นลิ้นหน่อยเลยค่ะ ทำไมต้องมาจริงจังกับเรื่องภาษาด้วย ก็ภาษามันสะท้อนนี่นา ว่าเรารู้สึกอย่างไร เห็นได้ชัดว่าเรากำลังอารมณ์เสีย จนอธิบายอะไรไม่ถูกแล้ว ดิฉันไม่ได้บอกนะคะ ว่าความจริงคืออะไร เนทเขาจะจัดฉากไหม ดิฉันไม่ทราบ ดิฉันดีใจนะคะ ที่คุณเกิดอารมณ์ไม่พอใจและรู้สึกว่าต้องแก้ไขการกระทำของเนท เพราะดิฉันมองว่าอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการขับเคลื่อนขบวนการทางจริยธรรมต่างๆ โดยเฉพาะกรณีสิทธิสัตว์หรือสิ่งแวดล้อม อารมณ์สะเทือนใจช่วยให้สัตว์ทั้งหลายรอดพ้นจากอันตราย ทำให้คนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรเสีย ความรักสัตว์ อยากปกป้องสัตว์ควรมากับตรรกะ เหตุผล รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับสัตว์ด้วย ง่ายๆเลยค่ะ ถ้าคุณรักหมารักแมวมากๆ คุณก็จะหาข้อมูลว่า เป็นหมาพันธุ์อะไร พฤติกรรมเป็นยังไง ดุไหม ซนไหม ถ้ามันทำท่าแบบนี้ๆ แปลว่าอะไร ดิฉันว่าทุกคนก็ทำและทำได้นะคะ ใช้ได้กับสัตว์ทุกประเภทนอกจากหมาแมว เสือก็ได้ ปลาวาฬก็ได้
บางที เราอาจจะต้องถามตัวเองด้วยซ้ำ ว่าความรักที่เรามีให้สัตว์อยู่ในรูปแบบไหน เราต้องการทำอะไรกับมัน หรือเราต้องการให้มันเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ถามว่า เราต้องการให้มันต้องการให้เราทำอย่างไร ที่ดิฉันอยากให้ถาม ก็เพราะดิฉันเห็นว่า กระแสการเรียกร้องสิทธิสัตว์มักเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่มากกว่าข้อมูล และเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งคำถามกับตัวเองเลย ว่าเรารักอะไรบ้าง ธรรมชาติแปลว่าอะไร คนแปลว่าอะไร อะไรเป็นตัวการให้เกิดปัญหาเหล่านั้น บางทีความรักในแบบของเรานั่นแหละ ทีเป็นตัวทำลายสิ่งที่เรารักเอง
การตั้งคำถามนำมาสู่ประเด็นที่สองที่ดิฉันอยากถามว่า คุณรักสัตว์ตัวไหนบ้าง
สำหรับคลิปแมงป่องกับแมว คุณปกป้องแมวเพราะคิดว่าแมวได้รับอันตรายใช่ไหมคะ ข้อนี้ไม่เถียง เพราะดิฉันเห็นเหมือนกันว่าได้รับอันตรายจริงๆ เพราะถูกมันหนีบปากเอาสองครั้งสามครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันอยากถามคือ แล้วแมงป่องล่ะ คำถามของดิฉันคือ ถ้าคุณเมตตาต่อสัตว์ คุณเห็นแมวเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักและเห็นแมงป่องเป็นเครื่องจักรสังหารเท่านั้นหรือ การเลือกภาพในแคมเปญก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คุณเลือกอธิบายแมวในฐานะผู้ถูกกระทำ ส่วนแมงป่องในฐานะผู้กระทำอย่างเห็นได้ชัด ลองคิดกลับกันไหมคะว่าแมงป่องก็เป็นเหยื่อด้วย แมงป่องไม่ได้เป็นผู้ล่าอย่างเดียว แมงป่องมีศัตรูตามธรรมชาติอื่นๆ ด้วย เช่นลิงบาบูน นกฮูก นกกระเต็น เป็นต้น แมวไม่ใช่นักล่าแมงป่องตามธรรมชาติก็จริง แต่การฝึกเพาะพันธุ์แมวให้ช่วยกำจัดสัตว์รบกวนในบ้านมีมาตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมียแล้ว แมวเป็นของคู่บ้านเรือนเพราะช่วยกำจัดหนูและสัตว์รบกวนต่างๆ แมวและหมา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักสำหรับหลายๆ คน เริ่มต้นจากการถูกฝึกให้เป็นเครื่องจักรสังหารทั้งคนและสัตว์ที่เข้ามาก่อกวนพื้นที่บ้านหรือแม้แต่พื้นที่รัฐ (หมาบางพันธุ์ถูกฝึกให้เป็นเครื่องมือจัดการชาวอเมริกันพื้นถิ่น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อแบบไม่เป็นทางการว่าอินเดียนแดง ในสมัยอาณานิคม)
ดิฉันรู้สึกแปลกๆ อย่างหนึ่งตอนชมคลิปแมว vs แมงป่อง และสิ่งที่ดิฉันเห็นนี้เชื่อว่าเป็นการจุดประกายให้หลายๆ คนออกปกป้องแมว นั่นคือ Nate ไม่ได้ออกไปช่วยแมวเลย และแมวมีโอกาสจะถูกแมงป่องต่อยเอาเมื่อไรก็ได้ สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจคือ ทำไมแมงป่องถึงไม่สู้ด้วยการยกหางขึ้นต่อยแมว สิ่งที่มันทำอย่างมากที่สุดคือการหนีบปากแมวด้วยก้ามเท่านั้น เรื่องนี้ ดิฉันพอจะได้คำตอบจากคลิปของ My Mate Nate เขากล่าวว่าได้แมงป่องตัวนี้มาจากถนนข้าวสาร จากร้าน ‘กินแมงป่อง” (My Mate Nate 2017) แมงป่องตัวนี้ไม่มีเข็มพิษแล้ว ดิฉันไม่แน่ใจว่าจริงเท็จแค่ไหน (ใครเป็นนักกีฏวิทยาก็ขอเรียนเชิญ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) แต่เท่าที่ศึกษากายวิภาคของแมงป่องมาบ้างนั้น ดิฉันเห็นว่า ปลายหางของแมงป่องตัวนั้นไม่มีเข็มปลายแหลมที่ต่อออกมาจากหางของมัน ถึงจะมีพิษ ก็ฉีดพิษออกไปไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดิฉันเองก็ไม่แปลกใจนัก ถ้าแมงป่องตัวนี้จะใช้แค่ก้ามหนีบแมวอย่างเดียว ถ้าคุณจะว่า My Mate Nate ทรมานสัตว์ คุณก็ควรจะว่าเขาในฐานะที่เขาสนับสนุนความรุนแรงที่มีต่อแมงป่องด้วยไม่ใช่แค่แมว นอกจากนี้ จากข้อมูลทางชีววิทยาที่รวบรวมมาโดยลูวีส เอ็ม ไพรค์ (Louse M. Pryke) นั้น เราอาจพอสรุปได้ว่า แมงป่องปกติไม่ใช่สัตว์ที่จะต่อสู้กับใครง่ายๆ ถ้าไม่ใช่อาหาร ถ้าเจออันตรายมักจะหนี แกล้งตาย หรือไม่ก็ใช้ก้ามก่อน การฉีดพิษจากเข็มพิษนั้นทำให้แมงป่องอ่อนแอ เพราะการสร้างพิษนั้นทำให้แมงป่องเสียพลังงาน เมื่อฉีดพิษไปแล้ว แมงป่องจะอ่อนแอลง การใช้พิษจึงมักไม่ใช่ทางเลือกแรกของแมงป่อง (นอกเสียจากว่าแมงป่องตัวนั้นตั้งท้อง แมงป่องตั้งท้องจะเคลื่อนที่ช้าอยู่แล้ว หนียาก จึงไม่มีทางเลือกอื่น)
ที่เราไม่รักแมงป่อง อาจจะเป็นเพราะแมงป่องไม่ใช่สัตว์น่ารัก มนุษย์เห็นแมงป่องเป็นพิษภัยจากธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ ดิฉันไม่ได้ต้องการจะให้คุณออกมารักแมงป่องเป็นลูกเป็นหลาน น่าทะนุถนอม สิ่งมีชีวิตทุกชนิดย่อมหาทางเอาตัวรอดและรักษาชีวิตตัวเอง ใครจะเกลียดจะกลัวมันดิฉันมองว่าไม่แปลก
แต่แมงป่องก็รักชีวิตมันเหมือนกัน เพียงแต่ว่า เราจะหาทางอยู่กันคนละที่ละทางได้ไหม ดิฉันแค่ต้องการให้ตระหนักรู้ว่าสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะน่ารัก หรือน่าเกลียด ก็ย่อมรักชีวิตของมัน เพียงแต่ว่า โครงการอนุรักษ์สัตว์หรือสิทธิสัตว์ในไทยไม่ค่อยจะเข้าถึงสัตว์น่าเกลียดน่ากลัว หรือแปลกประหลาด เชื่อมโยงกับคนได้ยาก โครงการหนึ่งที่ยังไม่เห็นในเมืองไทย แต่คิดว่าน่าสนใจดี นั่นคือโครงการเมตตาครัสเตเชียน (Crustacean Compassion) ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์ให้ออกกฎหมายกำหนดวิธีฆ่ากุ้งปูเป็นๆ อย่างมีจริยธรรมโดยทำให้กุ้งปูเจ็บปวดน้อยที่สุด (โครงการของเขาไม่ได้ถึงขั้นสนับสนุนให้คนเลิกกินกุ้งปูนะคะ ดิฉันคิดว่าเขาคงทราบว่าท้ายที่สุดคงห้ามไม่ได้) หลายๆ คนอาจจะพอทราบเรื่องนี้บ้างแล้วในเมืองไทย แต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงกันอย่างจริงจังนัก ดิฉันคิดว่า ถ้าเราลองเปิดใจ ค้นคว้าเกี่ยวกับสัตว์บางประเภทที่ไม่น่าอนุรักษ์ เห็นอยู่ดาษดื่น หรือน่ากลัว เราอาจจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความโหดร้ายของการเอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง (ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับแนวคิดอื่นๆ เช่น อคติทางชาติพันธุ์ ทุนนิยม เป็นต้น) และพยายามลดทอนมันลงเท่าที่เราทำได้ก็เป็นได้ กรณีของการขายแมงป่องก็ควรลองนำมาคิดตรึกตรองดู
การจะอธิบายเรื่องการเลี้ยงแมงป่อง หรือการขายแมงป่องที่เอาเข็มพิษออกแล้ว หรือแม้แต่การขายแมงป่องทอดเป็นอาหารรับประทานที่ถนนข้าวสาร อาจจะต้องดึงประเด็นอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้นำมาสู่ประเด็นต่อไปว่า สัตว์ หรือวงจรการทารุณสัตว์มันมีระบบในสังคมมาเกี่ยวข้อง จนหาคนผิดได้ลำบาก พูดกันตามตรง ดิฉันคิดว่าแมงป่องเป็นของหายากในร้านขายแมลงทอดทั่วไป สมัยเด็กๆ ดิฉันเคยรับประทานตั๊กแตนทอดบ้าง หนอนไหมบ้าง รถด่วนบ้าง แต่ดิฉันไม่เคยรับประทานแมงป่องเลย แต่กลายเป็นว่า ฝรั่งหลายคนมากๆ จะต้องมาหาแมงป่องทอดรับประทานที่ถนนข้าวสาร ถึงไม่รับประทานก็ต้องถ่ายรูป ดิฉันเพิ่งมาทราบจาก My Mate Nate นี่เองว่าเขาขายแมงป่องที่เอาเข็มพิษออกมาขายให้เอาไปเลี้ยงกันด้วย ดิฉันไม่ทราบเหตุผลแน่ชัดว่าทำไมบรรดาฝรั่งถึงชอบซื้อแมงป่องเพราะไม่ได้ไปสัมภาษณ์ และไม่ทราบว่ากลายเป็นกระแสได้อย่างไร ดิฉันคงได้แต่เดาว่านี่คือการขายความเถื่อนและความเย้ายวนให้ชาวต่างชาติได้สัมผัส ตามแบบที่เขาจินตนาการเอาไว้ว่าประเทศไทย หรือประเทศตะวันออกจะต้องมีอะไรประหลาด พิสดาร หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่เหมือนเขา (สำหรับฝรั่งบางคน หรือวรรณกรรมตะวันตกบางเล่ม ตะวันตกตะวันออกจะเหมือนกันไม่ได้ เส้นแบ่งนี้ต้องรักษาเอาไว้) การได้ถ่ายรูปกับแมงป่องซึ่งเป็นสัตว์ที่เชื่อกัน (อย่างน้อยก็ในฝรั่งบางกลุ่ม) ว่ารับประทานไม่ได้และดุร้ายนั้น เป็นการตอกย้ำความแปลกประหลาด ความเถื่อน และความลึกลับของกรุงเทพฯที่ฝรั่งหลายๆ คนเชื่อ (ลองสังเกตจากนวนิยายของ Christopher G. Moore หรือ John Burdett ดูก็ได้ ถ้าสนใจเรื่องการนำเสนอกรุงเทพฯ ลองหาบทความของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุรเดช โชติอุดมพันธุ์ เรื่องอาณานิคมกับเงื่อนปม: กรุงเทพมหานครในนวนิยายชุดของ John Burdett ดูสิคะ)
แมงป่องมักถูกเชื่อมโยงกับความโหดร้ายของธรรมชาติ ความน่าเกรงขาม และการเป็นชายชาตินักรบ แมงป่องกลายเป็นชื่ออาวุธหลายชนิดมาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ และการวาดตราแมงป่องที่โล่ก็เป็นวิธีข่มขวัญคู่ต่อสู้ คนบางคนอาจอยากครอบครองแมงป่องเพียงเพราะมันเสริมภาพลักษณ์ตัวเอง ได้ถือแมงป่องที่ทอดแล้ว เหมือนได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ ได้เป็นคนกล้าหาญเลี้ยงแมงป่องเอาไว้ การขายแมงป่องก็เป็นการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ (หรืออาจกล่าวได้ด้วยซ้ำว่า การขายแมงป่อง ก็ส่งผลให้เกิดความต้องการเหล่านี้ ด้วย จนอาจจะเหมือนไก่กับไข่เลยก็ว่าได้ ไม่รู้อะไรเริ่มก่อน) การเลี้ยงแมงป่องไร้เข็มพิษนั้น สำหรับบางคน อาจเป็นไปเพื่อสร้างความฟินให้ตัวเอง ในแบบที่ว่า เราจะได้อยู่ใกล้ๆ อะไรที่น่ากลัวมากๆ แต่มันไม่มีวันทำอะไรเราได้ ทำให้เรารู้สึกเก่ง รู้สึกเก๋ขึ้นมาทันที การเลี้ยงสัตว์หลายๆ ครั้งก็อาจเป็นไปเพื่อสนองความต้องการบางอย่างของเราเอง (แล้วถ้าคุณจะโทษคนที่เอามาขาย มันก็คงจะไม่ถูก พอๆกับการโทษแต่คนซื้ออย่างเดียว)
ใช่ค่ะ ในกรณีนี้หมายถึงแมวด้วย
ดิฉันคิดว่าผู้เลี้ยงสัตว์หลายๆ คนก็คงจะทราบดีว่าหมา แมว นกแก้ว ปลาทอง กิ้งก่า หรือแม้แต่แมงป่อง ไม่ใช่ตุ๊กตายัดนุ่น มันไม่ใช่อะไรเก๋ๆ น่ารักๆ ที่เราจะไปถ่ายรูป ดู แล้วก็กลับบ้าน ไม่ว่าสัตว์มันจะมีลักษณะที่เหมือนคน เหมือนเป็นพี่เป็นน้อง มันจะรู้ ‘ภาษา’ สักแค่ไหน มันก็ยังมีความแตกต่างข้ออื่นๆ ที่คนเลี้ยงจะต้องต่อรอง เช่น อาหาร ภาษา ความเจ็บป่วย การเลี้ยงสัตว์สุดท้ายแล้วดิฉันเชื่อว่าจะนำไปสู่การเรียนรู้และเปิดใจให้แก่ความเป็นอื่น (แต่แน่นอน สิ่งที่น่ากลัวคือการพยายามควบคุมความเป็นอื่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองด้วย) ดิฉันไม่เชื่อว่าใครจะเลี้ยงสัตว์ให้ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนตัวเองได้อย่างเดียว ถ้าเลี้ยงแล้ว คุณจะได้พบเจออะไรที่คาดไม่ถึงและต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่สัตว์ชนิดนั้นต้องเรียนรู้สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ สัตว์อื่นๆ (คุณด้วยค่ะ คุณคนเลี้ยง) ที่อยู่ในบริบทแวดล้อมเดียวกัน ต่างคนต่างเรียนรู้กันไป เป็นเพื่อนกันบ้าง ศัตรูกันบ้างผสมกันไป (ดิฉันไม่เชื่อในความสัมพันธ์ที่รักและเชื่อฟังกันด้านเดียวระหว่างคนกับสัตว์ หรือแม้แต่คนกับคน ถ้าอยากให้เขารักเราตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำอะไรตามเราสั่งหมดทุกอย่าง ดูน่ารักยิ้มหวานตลอดเวลา ซื้อตุ๊กตายัดนุ่นดีไหมคะ แม้แต่ตุ๊กตายัดนุ่นมันยังแตกยังเปื่อยหรือสีซีดได้เลย)
ดิฉันคิดว่า ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามองว่าแมวเป็นได้เพียงเหยื่อ ในความสัมพันธ์ของแมวกับแมงป่องในคลิปนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเราเชื่อมโยงแมวกับบ้านหรือกับตัวเราเองมากจนเกินไป ในขณะที่เราเชื่อมโยงแมงป่องกับป่า ความป่าเถื่อน หรือธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้
แมงป่องคือความเป็นอื่นหรือความดิบเถื่อนในพื้นที่เมืองอันเป็นอารยะ ทั้งๆ ที่พื้นที่ของวัฒนธรรมและธรรมชาตินั้นอิงกันอยู่ตลอด แม้แต่คำว่าธรรมชาติสำหรับบางท่าน ยังเป็นภาพรังสรรค์จากวัฒนธรรมที่ทุกคนโหยหา หรือไม่ก็ปฏิเสธ ถ้าไม่เป็นป่าเขาลำเนาไพร นกร้องจิ๊บๆ ก็เป็นดินแดนทุรกันดารลำบากลำบน พื้นที่สองพื้นที่นี้จะต้องแตกต่างกัน แยกจากกัน ดิฉันอยากถามว่า ถ้าสถานการณ์ที่เราเห็นเป็นแมวป่าสู้กับแมงป่องในคลิปสารคดี เราจะรับความรุนแรงในป่าแบบนั้นได้มากกว่ากรณีของ My Mate Nate หรือเปล่า บางคนอาจจะบอกว่ารับสารคดีได้แต่รับกรณีของเนทไม่ได้ เพราะกรณีของสารคดีนั้นเกิดขึ้นในธรรมชาติ แต่กรณีของเนทน่าจะเป็น (หรือต้องเป็น) การจัดฉาก ที่เราคิดอย่างนั้นเป็นเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติต้องไม่เกิดในบ้าน แมวบ้านไม่ใช่แมวป่า แมวบ้านจะต้องไม่มีลักษณะของแมวป่า แมงป่องจะอยู่ในบ้านไม่ได้ ถ้าผิดไปจากนี้คือพิเรนทร์ ผิดปกติ กรณีนี้เกิดขึ้นกับทั้งฝั่งที่ต้องการรณรงค์ให้เนทถูกดำเนินคดีและตัวเนทเอง ไม่อย่างนั้นเนทก็ไม่เอากล้องวิดีโอมาถ่ายไว้หรอกค่ะ แถมยังพากย์เป็นเกมกีฬาอีก
หากถามว่า ดิฉันจะทำอย่างไร ในกรณีที่แมงป่องไร้เข็มพิษของเราซึ่งเราจะเก็บไว้ทดลอง ไปเผชิญหน้ากับแมวจอมซนของดิฉันเอง ดิฉันคงต้องจับแยกทั้งคู่ แมวจะเป็นอันตรายได้ แมงป่องก็มีสิทธิ์ตายได้เหมือนกัน หากจะถามดิฉันอีกข้อว่า เราควรดำเนินคดีเนทไหม ดิฉันก็คงจะตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตีความกฎหมาย ไม่รู้กฎหมายจะครอบคลุมอะไรบ้าง แต่ดิฉันขอแสดงความเห็นว่า หากจะมีการดำเนินคดี ทุกอย่างก็ย่อมเป็นไปตามกระบวนการสอบสวนว่าเนทจัดฉากจริงหรือไม่ ทารุณสัตว์อย่างไร อย่างที่บอกว่า ถึงแม้ว่าอารมณ์จะเป็นสิ่งที่สำคัญในการจุดชนวนปลุกระดมให้คนเห็นใจสัตว์ แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตามหลักการของเหตุผลและกฎหมาย
อย่างที่ดิฉันบอกไปว่า ความรักสัตว์นั่นเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและมีคุณค่า เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณรักอะไรนอกเหนือจากตัวเอง จากตัวตนที่คุณนิยามไว้ว่าเป็นมนุษย์หรือเป็นอะไรก็ตามแต่ ดิฉันจึงขอเน้นย้ำว่า เราควรตั้งสติและตรวจสอบความรักของเราให้ดีว่ามีลักษณะเป็นแบบไหน เรารักอะไรบ้าง เรารักสัตว์โดยไม่รักคน หรือเปล่า (ทั้งๆ ที่คนก็เป็นส่วนหนึ่งของทั้งวัฒนธรรม และธรรมชาติ) เรารักสัตว์ชนิดไหน เกลียดสัตว์ชนิดไหน ดิฉันก็อยากให้คุณมองทั้งแมวและแมงป่องเป็นเพื่อนร่วมโลกทั้งคู่ (ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกับทั้งสองชนิดนี้เท่ากัน) แมวก็อาจไม่ได้น่ารัก ขนฟูนุ่ม และงอแงในระดับที่เรารับได้เสมอไป (หลายๆ คนเรียกตัวเองว่าทาสแมว แต่เราอาจเป็นนายของแมวในคราบทาสโดยไม่รู้ตัวก็ได้)
ส่วนแมงป่องก็อาจมีหลายๆ แง่มุมที่คุณไม่เคยเห็น มันอาจอ่อนแอ และมีชีวิตหลายอย่างที่ใกล้เคียงกับคนเราอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
“เรียกร้องให้ My Mate Nate ถูกดำเนินคดีข้อหาทารุณสัตว์ #mymatenate.” Change.org. N.p., n.d. Web. 10 June 2017.
My Mate Nate. ดราม่าอีกแล้ว…เดี๋ยวผมจะอธิบาย. N.p. Film.
—. แมว vs แมงป่อง!!! ใครจะชนะ?!? N.p. Film.
Pryke, Louise M. Scorpion. London, UK: Reaktion Books, 2016. Print.