น้ำหนักเบา หน้ารองเท้ากว้าง สวมใส่สบาย และมีรูระบายอากาศรอบๆ ส่วนหน้าของรองเท้า
อธิบายเพียงเท่านี้ก็เชื่อว่าคุณน่าจะเดาทางได้ไม่ยากว่า เรากำลังพูดถึง ‘Crocs’ รองเท้าที่มีแท็กไลน์เป็นของตัวเองอย่าง
“เป็นรองเท้าที่สนุกสนานและสวมใส่สบายที่สุดในโลก”
รองเท้าเป็นเครื่องแต่งกายที่ทำหลายหน้าที่ในคราวเดียวกัน ทั้งช่วยปกป้องเท้าของเราจากกรวด หิน ดิน ทราย และวัสดุแปลกปลอมต่างๆ นานาที่อาจนำพาให้เท้าของเราได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังช่วยซัปพอร์ตให้เท้าของเราเคลื่อนไหวได้นานขึ้น หรือบางครั้งก็เร็วขึ้นด้วย ที่สำคัญ ในหลายๆ ครั้งรองเท้าก็เป็นไอเท็มที่เสริมทั้งความมั่นใจ และช่วยให้เราสะท้อนตัวตนผ่านรองเท้าที่เราสวมใส่อีกต่างหาก
เพราะรองเท้าทำหน้าที่มากมายขนาดนี้ รองเท้าบนโลกใบนี้จึงมีหลากหลายดีไซน์ ทั้งเราและคุณคงต่างก็รู้ดีว่า การหารองเท้าสักคู่ที่ถูกใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ไหนเราจะต้องดูว่าเราชอบสีสันรูปทรงของรองเท้าคู่นี้ไหม ถ้าชอบทรงของมันแล้วมันใส่สบายหรือเปล่า ถ้าชอบทั้งหมดนี้แล้วเรามีเงินพอที่จะซื้อมันได้โดยไม่ลำบากไหม?
เราคงต้องยอมรับว่าการจะให้รองเท้า 1 คู่ ตอบโจทย์ทุกข้ออาจไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งเราซื้อรองเท้าบางคู่เพียงเพราะเราชอบสีสันของมัน บางครั้งเราซื้อรองเท้าเพราะมันใส่สบายดี และบางครั้งเราจำต้องซื้อมันทั้งๆ ที่ไม่ได้ชอบและมันไม่ได้ใส่สบายที่สุดขนาดนั้น แต่เพราะขนาดกระเป๋าสตางค์ของเราอนุญาตให้ซื้อมันได้ก็เพียงเท่านั้นเอง
Crocs แบรนด์รองเท้าที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2002 รูปทรงของรองเท้าอย่างการมีหน้ารองเท้ากว้าง มีรูรอบๆ ส่วนหน้าของรองเท้า และน้ำหนักเบา ดีไซน์ที่ว่ามานี้คงต้องบอกว่า มันโดดเด่นและแปลกตาในตลาดรองเท้าเป็นอย่างมาก กูรูการตลาดและรองเท้าหลายสำนักยังเคยยิ้มมุมปาก พร้อมปรามาสในใจแบบกลายๆ ว่า Crocs ไม่น่าจะยืนระยะในตลาดรองเท้าได้นานนักหรอก
ปรากฏว่า Crocs ก็จัดการหักปากกาเซียนเรียบร้อย เพราะนี่ก็ปี 2023 แล้ว นอกจาก Crocs จะสามารถยืนอยู่ในตลาดรองเท้าได้นานเป็นเวลา 20 ปี ความนิยมของรองเท้าหน้าตาน่าสนใจคู่นี้ยังมีแต่เพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ
สาเหตุที่ทำให้ Crocs ประสบความสำเร็จในฐานะรองเท้าที่มีดีไซน์แปลกใหม่ไม่เหมือนใครทั้งสิ้นในวงการรองเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ
1. Crocs ให้ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่
ไม่ใช่รองเท้าที่ถูกใจทุกคู่จะเป็นรองเท้าที่ใส่สบาย ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างรู้ข้อเท็จจริงข้อนี้ดี รองเท้าบางคู่ดูสวยดีและเท่จัง แต่เมื่อใส่ไปแล้วกลับไม่สามารถซัปพอร์ตการเดินหรือการยืนของเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องยืนหรือเดินนานๆ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ Crocs ทำได้ คือเป็นรองเท้าที่ใส่ง่าย ใส่สบาย แถมน้ำหนักเบาอีกต่างหาก
2. Crocs มีดีไซน์ที่เก๋ แปลกตา และลูกค้าสามารถตกแต่งรองเท้าได้ตามต้องการ
สมัยนี้ใครๆ ก็อยากให้สินค้าของตัวเองเป็นสินค้าที่ลูกค้ารู้สึกว่าสามารถ Customize หรือออกแบบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เหมือนสูทที่ถูกตัดมาพิเศษให้พอดีตัวกับลูกค้าคนนั้นเท่านั้น
การที่ Crocs มีดีไซน์รองเท้าเป็นรูๆ ในบริเวณด้านหน้าของรองเท้า ดีไซน์ที่กูรูรองเท้าหลายคนปรามาสว่าแปลกเกินไป กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ Crocs พลิกกลับเอามาทำเป็นการตลาดให้ทุกคนสามารถซื้อตัวติดรองเท้า (Jibbitz) มาติดตามรูต่างๆ จนกลายเป็นรองเท้าที่ตัวผู้สวมใส่เองมีส่วนร่วมในการออกแบบ และอาจจะพูดได้ว่าเป็นรองเท้าที่มีเพียงแค่คู่เดียวในโลก (เพราะตัวติดรองเท้านั้น คุณจะดีไซน์เรียบเรียงเอาตัวไหนมาติดตรงไหนก็ได้ในแบบที่คุณชอบเอง)
3. การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของ Crocs
ใช่ว่า Crocs จะมีแค่ดีไซน์เดียวแล้วขายมันมาตลอด 20 ปีนี้ซะเมื่อไร แต่มันพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่งมาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้วัสดุที่นำมาใช้ทำรองเท้าคือ Croslit เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย ยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี และใส่แล้วไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน แถมเจ้า Croslit นี้ยังเป็นวัสดุที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 50% พูดง่ายๆ คือเป็นวัสดุที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยนั่นแหละ
นอกจาก Crocs จะใช้วัสดุที่รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอีกอย่างที่ไม่หยุดนิ่งคือ การไปร่วมจับมือกับศิลปิน คนดัง หรือแบรนด์ต่างๆ อยู่เสมอ เช่น Hidden Valley Ranch x Crocs, Benefits Cosmetic x Crocs, Justin Bieber x Crocs, Space Jam x Crocs หรือแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง Balenciaga ก็ยังมีการคอลแลปกับ Crocs เช่นกัน
4. Crocs มีราคาเข้าถึงได้
รองเท้า Crocs ทั้งใส่สบาย ทั้งดีไซน์ให้เป็นรองเท้าของตัวเองเพียงคู่เดียวบนโลกได้ แถมยังเป็นแบรนด์ที่ดูชิคและทันสมัยอีกต่างหาก ทั้งหมดที่ว่ามานี้คงจะเป็นที่นิยมระดับขายไปแล้วกว่า 850 ล้านล้านคู่ ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มาไม่ได้เลย ถ้าราคาแพงเกินไปและทำให้คนทั่วไปไม่สามารถจับต้องได้
ราคาของรองเท้า Crocs 1 คู่ เฉลี่ยอยู่ที่คู่ละ 2,000 บาท หากถามว่าราคานี้ถูกไหมในบ้านเราที่ค่าแรงขั้นต่ำต่อวันอยู่ที่ 300 กว่าบาท ก็คงจะไม่ใช่ราคาที่ถูก แต่ก็ต้องบอกว่านี่เป็นราคาที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงได้ แถมในราคานี้ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงกว่าประเทศไทย ก็คงต้องบอกเลยว่า เป็นรองเท้าที่ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์จริงๆ
เชื่อว่าในตู้รองเท้าของทุกคนน่าจะมีรองเท้าอยู่หลายคู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเหมือนกับว่ารองเท้าคู่ที่เราชอบที่สุดและสวมใส่สบายที่สุด จะมีอยู่แค่ไม่กี่คู่ หรืออาจเป็นเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้นที่เราสวมใส่มันเมื่อไร เราก็รู้สึกสบายใจกับมันทุกครั้ง
เราหวังว่าคุณจะหารองเท้าคู่นั้นของคุณเจอแล้วนะ
อ้างอิงจาก