“ไม่ทราบว่า เธอเคยทำแท้งหรือเกี่ยวข้องกับการทำแท้งบ้างมั้ย เพราะผมเห็นวิญญาณเด็กตามมาด้วย เค้าขี่คอเธออยู่ ดูเค้าเคียดแค้นมาก” เสียงนิ่มๆ จากใบหน้าแน่นๆ ของคนเห็นผีสื่อวิญญาณกล่าวกับแขกรับเชิญในรายการทีวี “คนที่ทำแท้งชาตินี้จะไม่มีทางเจริญ เพราะเขาไม่ให้อภัยคุณ แล้วกรรมจากการทำแท้งก็แก้กรรมไม่ได้ด้วยนะ” นางกล่าวขยี้
บรื๋ออออ!!! ผีเด็กโดนทำแท้งตายนี่เฮี้ยนจัง ไม่ว่าจะสื่อไหน ทีวีวิทยุออกกันโครมๆ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย เยอะกว่าสารคดีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสะอีก เปลี่ยนช่องไหนๆ ก็เห็นผีมากกว่าคน ทั้ง ข่าว ทั้งละครก่อนข่าว หลังข่าว รายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ รายการสารคดี
แล้วที่ร้ายไปกว่านั้น ผีในบรรดารายการประเภทนี้ ก็ชอบเล่าเรื่องผีเด็กโดนทำแท้ง ไม่ไปผุดไปเกิดกันจัง แถมก็ดูเหมือนว่าจะมีความเลือกปฏิบัติ ตามจองล้างจองผลาญแต่แม่มากกว่าพ่อ โกรธอาฆาตรังไข่มากกว่าสเปิร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังไข่ของแม่วัยรุ่นที่ท้อง ‘ก่อนวัยอันควร’ ท้องก่อนแต่ง ท้องไม่พร้อมมากกว่า (ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ‘ท้องไม่พร้อม’ นั้นไม่เกี่ยวกับอายุ เพราะไม่ว่าวัยไหน ช่วงเวลาสถานการณ์ใด สถานะทางการเงินยังไงก็ท้องไม่พร้อมได้ ไม่เกี่ยงว่าต้องเป็นวัยรุ่น หรือยังเรียนหนังสืออยู่)
เรื่องผีเด็กตายจากการทำแท้งมักพุ่งเป้าที่วัยรุ่นสาวเสมอ จนกลายเป็นการควบคุมกำกับและลงโทษเฉพาะกลุ่มอัตลักษณ์ ที่มักเป็นหญิงสาวและอยู่ในวัยเรียน หญิงที่มีเพศสัมพันธ์นอกสถาบันการแต่งงาน
ความเฮี้ยนของผีเด็กจึงไม่ไปหลอกหลอนผู้ที่ทำแท้งเพราะครรภ์เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายสุขภาพ ความเจ็บป่วยของแม่ ติดหัดเยอรมัน อีสุกอีใส แท้งลูกเพราะอุบัติเหตุประมาทเลินเล่อ แม่ที่ทำ GIFT ไม่สำเร็จ แม่ที่ต้องทำแท้งเพราะตัวอ่อนในครรภ์พิการรุนแรง มีโครโมโซมผิดปรกติ กระดูกคด หัวบาตร ไตไม่ทำงาน ไปจนถึงหญิงที่ท้องตอนอายุมาก ท้องกับคนสายเลือดเดียวกัน หรือทำหมันแล้วหมันหลุด
และแน่นอนผีเด็กก็ไม่ค่อยจะพยาบาทพ่อของมัน
เพราะปิตาธิปไตยให้อิสระทางเพศแก่ผู้ชายมากกว่า
เพราะภายใต้ระบบปิตาธิปไตย ร่างกายของผู้หญิง เพศวิถีและความต้องการทางเพศของเธอมีเพื่อตอบสนองผู้ชายและการมีลูกสืบพันธุ์ซึ่งก็ยกให้เป็นพันธุ์ของผู้ชาย ลูกที่เกิดออกมาจากมดลูกรังไข่เธอเป็นสมาชิกในสังกัดตระกูลพ่อ เพศหญิงถูกคาดหวังให้ต้องเป็น ‘เพศแม่’ มากกว่าจมีบทบาทสถานะอื่นๆ การที่เธอใช้อำนาจตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง ตอบสนองความต้องการทางเพศ มีเซ็กซ์ด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่การเจริญพันธุ์ ยุติการตั้งครรภ์หรือยกเลิกบทบาทแม่จึงเป็นการท้าทายและขบถปลดแอกต่อปิตาธิปไตยอย่างรุนแรง
ปิตาธิปไตยจึงต้องผลิตเรื่องเล่าและบทลงโทษที่เป็นมือที่มองไม่เห็นอย่างผีเปรตเจตภูติ คอยควบคุมความประพฤติ จัดระเบียบพวกเธอในระดับจิตใต้สำนึก มากกว่าจะสื่อสารให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ การคุมกำเนิด
และผีเด็กที่ว่าก็จะต้องเป็นภาพจำของคำว่า ‘เด็ก’ ที่เป็นผีของเด็กอนุบาลวัยกำลังน่ารักกำลังซนช่างซักช่างถามเจื้อยแจ้วเจรจา มากกว่าจะเป็นเด็กทารกเดินคลานไม่เป็น ฟันยังไม่ขึ้นพูดยังไม่ได้ หรือตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอที่เธอทำแท้งไป และต้องไม่ใช่เด็กวัยมัธยมต้นที่ใกล้เข้าสู่วัยเยาวชนอายุ 15 ปีตามความหมายของสหประชาชาติ
แต่เนื่องจาก narrative แบบนี้เป็นผลผลิตของสังคม ผีเด็กจึงมีพลวัตร หลังๆ บรรดาที่อ้างว่าเห็นผีก็จะเริ่มว่าบาปทั้งแม่และพ่อ ไม่ได้เกาะแม่คนเดียว แต่แยกร่างไปเกาะพ่อด้วย คอยหลอกลหอนผู้ชายไข่แล้วทิ้งไป ตามวิวัฒนาการทางสังคมที่ตั้งคำถามเรื่องสิทธิทางเพศมากขึ้น กลายเป็นวิวัฒนาการเด็กผี และมากไปกว่านั้นยังลามอาละวาดไปถึงผู้มีอุปการคุณผู้สนับสนุนหลักในการทำแท้ง ใครให้เงินเพื่อน พาเพื่อนไปทำแท้งก็ถูกสาปไปด้วย
แม้ว่าการทำแท้งจะได้รับการยอมรับทางกฎหมายในระดับหนึ่งอย่างมีเงื่อนไข (เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีหรอกไอ้การทำแท้งเสรีน่ะ) ซึ่งกฎหมายก็เป็นกฎเกณฑ์บรรทัดฐานอย่างเป็นทางการ ที่คอยทำหน้าที่ควบคุมกำกับความประพฤติจัดระเบียบสังคม ขณะที่แบบแผนควบคุมการประพฤติอย่างไม่เป็นทางการแต่ซึมลึกลงจิตใต้สำนึกมากกว่าก็คือ จารีตประเพณีหรือกฎศีลธรรม (mores) ที่ตัดสินความดีความชั่ว เป็นศาสนาความเชื่อที่เข้ามากำกับสมาชิกในสังคม ใครละเมิดข้อห้ามกลายเป็นคนบาป
ด้วยสำนึกแบบ Structural Functionalism ที่สร้างสภาวะสยบยอมมากกว่าจะรื้อสร้างตั้งคำถามกับบรรทัดฐานและโครงสร้างสังคม ด้วยความเชื่อว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมมีความจำเป็นต้องกำหนดโครงสร้างที่มีหน้าที่ต่างๆ ในการจัดระเบียบ สมาชิกในสังคมต่างต้องปฏิบัติและแสดงบทบาทตามสถานภาพของตนที่มีอยู่ ภายใต้ระเบียบหรือบรรทัดฐานร่วมกัน มีที่ยึดเหนี่ยวเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้สังคมนั้นสมดุลไม่วุ่นวาย แต่สังคมที่ประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีวิวัฒนาการและซับซ้อนขึ้นก็ย่อมมีความเชื่อความคิดความอ่านคนและแบบแตกต่างกัน การที่จะใช้ชุดความเชื่อจารีตประเพณีมาควบคุมสังคมย่อมเป็นไปได้ยากกว่า นำไปสู่การกำหนดตัวบทกฎหมายร่วมกันเพื่อให้รู้บทบาทสิทธิหน้าที่แทน
ในบริบทสังคมที่ยังผู้คนยังคิดไม่ซับซ้อน มีวิวัฒนาการเบาบาง แต่มีสภาวะสยบยอมเข้มข้น ก็ยังคงสามารถใช้ศีลธรรมจารีตศาสนามาควบคุมได้ เช่นเรื่องเล่าผีเด็กทำแท้ง ซึ่งมันก็ไม่ต่างไปจากคำด่าว่า “แม่ใจยักษ์” “แม่ใจมาร” ที่ยักษ์มารเป็นตัวละครตามชาดก นิทานอิงศาสนา ที่ยังคงปฏิบัติการและจัดระเบียบสมาชิกในสังคมอยู่ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ปฏิเสธ “ความเป็นแม่”
อย่างไรก็ตามความเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
แต่สิทธิที่จะทำแท้งเป็นสิทธิเนื้อตัวร่างกายของผู้หญิง
เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนและสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ที่หลายประเทศ
ทั่วโลกเคารพและยอมรับสิทธิของผู้หญิงในการตัดสินใจทำแท้ง
หากแต่ประเทศที่เคารพผีสาวเทวดาสิ่งที่มองไม่เห็นมากกว่าสิทธิมนุษย์ด้วยกัน ถึงปล่อยให้ผีสางเทวดาลัทธิศาสนา วาทเวรวาทกรรมบุญบาป มามีอิทธิพลเหนือกว่า เหมือนกับสำนวนเก่าแบบสำนึกก่อนสมัยใหม่ ที่ปรากฎการณ์ต่างๆ เกิดจากการกระทำของสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น “ผีซะหน้า” ที่หมายถึง ใครไปก่อกรรมทำเลวไว้ ไม่มีใครรู้แต่ผีรู้ ผีเลยทำให้เกิดอะไรสักอย่างขึ้น ให้คนอื่นได้รู้ความลับนั้น ให้คนทำได้อับอายขายขี้หน้า เหมือนกับที่ศรีนวล บุญลือ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เปรียบเทียบการท้องก่อนแต่งของวัยรุ่นว่าเป็น “ผีซะหน้า” ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อขยายโอกาสและสิทธิในการทำแท้งอย่างปลอดภัย เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2563
กระทั่งในเดือนมกราคม พ.ศ..2564 สภามีมติแก้กฎหมายให้ผู้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และไม่ต้องทำโดยแพทย์ก็ได้ แต่ถ้าอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 – 20 สัปดาห์ ต้องปรึกษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและอื่นๆ ก่อนตัดสินใจเอง ซึ่งในการประชุมนี้ ประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส. พรรคพลังประชารัฐก็ออกมาแย้งการแก้กฎหมายนี้ด้วยความเชื่อศีลธรรมของอิสลาม อ้างไปถึงพระผู้เป็นเจ้าส่งวิญญาณมาสิงตัวอ่อนเมื่อ 120 วันหลังปฏิสนธิกัน การทำแท้งหลังจากนี้ถือว่าเป็นบาปมหันต์ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น (ซึ่งจำเป็นหรือไม่นั้น ก็ไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของหญิงเจ้าของครรภ์เลย)
ปล่อยเค้าไปเหอะ… กำลังดีใจอยู่ที่ในที่สุดก็ได้แก้กฎหมายสักที ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสังคม ที่กฎหมายพัฒนาไปตามขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิทางเพศ สิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ เป็นนิมิตหมายที่ดีในการแก้กฎหมายอื่นๆ ที่กำลังละเมิดสิทธิทางเพศสิทธิในเนื้อตัวร่างกายต่อไป ขณะเดียวกันการควบคุมกำกับด้วยความเชื่อจารีตประเพณีอย่างวิญญาณ พระเจ้า ผีเด็ก กรรมเวรใด ๆ ก็จำเป็นต้องแก้ไขเช่นกัน เช่นเดียวกับความเข้าใจในหน้าที่สถานะของผู้ออกกฎหมาย
ส.ส. มีหน้าที่โดยตรงในทางนิติบัญญัติ บัญญัติกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชน ไม่ใช่ผู้นำความเชื่อ เจ้าลัทธิ ที่จะใช้ศีลธรรมมากำกับประชาชน และ ส.ส. ก็เป็นผู้แทนของประชาชน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่ตัวแทนของศาสนิกใดโดยเฉพาะ การยึดหลักศาสนาความเชื่อส่วนบุคคลเป็นหลักและเงื่อนไขแรกในการพิจารณากฎหมายเพื่อใช้กับสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย มันจึงผิดหลัก ผิดฝาผิดตัว และไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง
ดังนั้นหาก ส.ส. ยังนำหลักศาสนาจารีตประเพณีมามีอิทธิพลเหนือการพิจารณากฎหมาย ก็ควรลาออกจาก ส.ส. อย่าไปทำเลยงานนิติบัญญัติ ลาออกแล้วไปบวช ไปเปิดตำหนักสำนักทรงผีปู่ผีย่า ไปออกทีวีเป็นพ่อมดหมอผีแก้กรรมให้คนในพื้นที่สังคมที่ไม่ซับซ้อนอะไรไปเถอะ