หากเซ็กซ์เป็นการลดทอนความเป็นปัจเจกนิยม ทำให้เราต้องไปปฏิสังสรรค์หรือเจรจาต้าอ่วยกับคู่ของเรา (หรืออาจจะไม่ใช่คู่หากแต่มี 1 คนขึ้นไป) sex toy นี่แหละที่จะช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์อินโทรเวิร์ต หรือใครก็ตามที่ไม่อยากหิ้วคนแปลกหน้าขึ้นห้อง ขี้เกียจสร้างบทสนทนาความสัมพันธ์เพื่อเพศสัมพันธ์กับใครสักคน หรือต้องมานั่งลุ้นว่าจะนกหรือไม่นก แถมใช่ว่าคู่บนเตียงเราที่มีจะทำให้เราฟินได้สมปรารถนาทุกประการ ซึ่งเซ็กซ์ทอยนี่แหละที่จะตอบโจทย์ หลีกเลี่ยงความสุ่มเสี่ยงความไม่มั่นคงและไร้อำนาจการตัดสินใจ แถมอานิสงส์ของมันก็ช่วยที่ย่นระยะเวลาในการหาเพศสัมพันธ์ เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
แม้จะขึ้นชื่อว่า toy นิยามว่าเป็นของเล่น เป็นตุ๊กตา ฟังดูเป็นมิตรและเป็นเรื่องน่าสนุกผ่อนคลายดี เหมือนไปเล่น เลโก้ บาร์บี้ สแครบเบิล หมากล้อม แต่ด้วยคำของมันก็ถูกทำให้ sex toy ฟังเป็นของไม่สลักสำคัญ เป็นของเล่นที่ฤๅจะสู้ของจริง เหมือนเป็นอุปกรณ์เสริมมากกว่าจะมองว่าเป็นคู่รัก หรือแม้แต่จะมองว่าเซ็กซ์ทอยเป็นของที่ต้องมีในการดำรงชีวิต เช่นเดียวกับกินขี้ปี้นอน ที่กินข้าวก็ต้องมีช้อนมีจาน ขี้ก็ต้องมีส้วม นอนก็ต้องมีอะไรหนุนหัว
มันจึงมีสิ่งของต่างๆ มากมาย ที่สามารถนำมาเป็นเซ็กซ์ทอยเฉพาะกาล DIY ตั้งแต่มุมของหมอนหนุนรัดเป็นปมแน่นๆ ทุกด้านของหมอนข้าง หรือแม้แต่เม็ดแมงลักเม็ดมะขามกรอกใส่ถุงผ้าให้เป็นแท่งๆจับถนัดมือ ไปจนถึงผักสวนครัวรั้วกินได้ มะเขือ มะระ แตงกวา กล้วยน้ำว้า เล็บมือนาง ว่านงาช้าง
แต่เมื่อโลกมันมีพลวัต เทคโนโลยีพัฒนา เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น มันจึงมี ‘sex toy’ ที่สอดรับกับความหลากหลายของเพศวิถีและรสนิยมทางเพศ
เท่ากับว่าวิวัฒนาการของเพศวิถีมนุษยชาติไปไกลแค่ไหน ให้ดูที่ความหลากหลายของ ‘sex toy’
โลกเราจึงมีตั้งแต่ ห่วงจู๋ ขอบตาแพะ ห่วงกระต่าย จิ๋มกระป๋อง หม้อก้น ปลอกนิ้ว สารพัดผิวสัมผัส รูปร่าง สีสรรนานาพรรณ มีซิลิโคนจู๋และจิ๋มจำลองดาราที่โปรดปรานสำหรับแฟนคลับ ซิลิโคนช่วยชักว่าวตั้งแต่ผิวตะปุ่มตะปั่ม มีหนามมีริ้ว หรือโพล่งเป็นทรงหนอนยึกยัก มีดิลโด้ปลายคด หัวตรง เนื้อเยลลี่ บางอันไม่ได้เป็นรูปไอ้จ้อนผู้ชาย เพื่อความสะดวกใจให้กับผู้หญิงที่ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายได้ใช้ บางอันเป็นปล้องๆ เป็นทรงลูกชิ้นเอ็น มีจะงอย ไวเบรเตอร์ที่ปรับระดับแรงสั่นเทา แรงควง ความหมุน ระบบโคจรของมุก พ่นน้ำได้ ดูดตอดได้ ปรับอุณหภูมิได้ ไข่สั่นบางรุ่นมีทั้งมีสาย ไร้สาย มีรีโมตคอนโทรล ทรงสมอเรือ ทรงฟลามิงโก แม้แต่กางเกงหญิงรักหญิงทั้งหัวเดียว สอดใส่คนเดียว หรือ 2 หัว สอดใส่ทั้ง 2 คน ไปจนถึง ดิลโด้ที่ใช้ตำได้ทั้ง 2 ด้านสำหรับคู่หญิงรักหญิง คู่เกย์รับ หรือผู้หญิงคนเดียวที่ใช้ตำทั้งข้างหน้าและข้างหลังพร้อมกัน
sex toy จึงเป็นอุปกรณ์ทางการศึกษาเพื่อให้เราได้เรียนรู้ด้วยตนเอง รู้จักเข้าใจตนเองอย่างละเอียดลึกซึ้งว่าเราชอบอะไร แบบไหน ไม่ชอบอะไรหรือชอบอย่างไรมากกว่า เป็นเครื่องมือสร้างความยืนยันในตัวของเราเอง นอกเหนือจากตอบสนองความใคร่และความสุขทางเพศ
มากไปกว่านั้น sex toy ยังมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์มายาวนานอยู่คู่กับมนุษยชาติในช่วงเวลาต่างๆ จู๋ปลอมที่เก่าที่สุดเท่าที่โลกค้นพบ มีขนาด 20 เซนติเมตร ทำจากหิน มีอายุราว 30,000 ปี พบที่เยอรมนีและยังพบรุ่นเดียวกันในฝรั่งเศส ในสังคมกรีก ดิลโด้ทำจากหิน หนังสัตว์ หรือไม้ แล้วใช้น้ำมันโอลีฟเป็นสารหล่อลื่น เป็นของที่สามีให้กับภรรยาไว้ใช้เมื่อตนต้องเดินทางออกจากบ้านเป็นเวลานาน
ในสังคมชนชั้นสูงของจีนก็เช่นกัน มีการค้นพบจู๋ปลอมทำจากทองสัมฤทธิ์ในสุสานราชวงศ์ฮั่นเมื่อ 200 ปี ก่อนคริสตกาล กล่าวกันว่าใช้กันในกลุ่มนางในนักสนม ดิลโด้จึงถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ปรากฏอยู่ในอู่อารยธรรมและวัฒนธรรมชั้นสูง Claude le Petit กวีชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 ก็ให้คุณค่ากับวรรณคดีสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองอย่างมาก ถึงกับให้หนังสือมีปกยืดหดได้แทนที่จะเป็นปกแข็งหนาทนทายาดอย่างหนังสือทั่วไปในยุคนั้น เพื่อให้หนังสือของเขาเอนกประสงค์สามารถใช้เป็นดิลโด้ได้ด้วย เช่นเดียวกับ John Wilmot, Earl of Rochester กวีคนสำคัญที่และข้าราชสำนักในพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ก็ได้แต่งกวีว่าด้วยดิลโด้ชื่อ ‘Signior Dildo’ เมื่อปลายปี 1673[1]
อย่างไรก็ตามที่มาของคำว่า ‘dildo’ หรือ ‘ดิลโด้’ ยังคงเป็นที่ถกเถียงในงานนิรุกติศาสตร์ บ้างก็บอกว่ามาจาก This will do. บ้างก็บอกว่ามาจาก ‘diddle-o’ หรือมาจากภาษาอิตาเลียน ‘diletto’ (ภาษาอังกฤษคือ delight) หรือภาษาอังกฤษ ‘dally’ หรือ ภาษาสเปนที่ใช้เรียกต้นตะบองเพชรบางชนิด
แต่ภายใต้รัฐไทยอันมีศีลธรรมดีงาม เชื่อว่ามีรากเหง้าวัฒนธรรมมายาวนาน แม้จะยาวนานไม่เท่าอู่อารยธรรมอื่น แต่มันก็สัมพันธ์กับความมั่นคงของชาติ sex toy จึงไม่ใช่ของเล่นเช่นเดียวกับหมอข้าวหมอแกง ตุ๊กตาชาววัง แต่กลายเป็นวัตถุลามกอนาจาร บั่นทอนวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ห้ามซื้อขาย โฆษณา ผลิต แจก อวด กรมศุลกากรก็ห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามกฎหมายอาญามาตรา 287 ซึ่งมีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รัฐแบบไหนกันที่ทำให้การสำเร็จความใคร่การตอบสนองความสุขทางเพศส่วนบุคคลกลายเป็นอาชญากรรม
แต่จะให้ sex toy เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์และยาเช่นเดียวกับถุงยางอนามัย ก็เท่ากับว่าการตอบสนองเพศวิถีของเราก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ไป เหมือนที่แพทย์ครั้งหนึ่งเคยนิยามให้ LGBT เป็นโรคทางจิตเวช ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องเสรีภาพและสิทธิเนื้อตัวร่างกายของพวกเขาและเธอ และเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งวาทกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ในโลกตะวันตก ที่แม้จะมาทดแทนวาทกรรมความเชื่อทางศาสนา แต่วาทกรรมทางการแพทย์ก็ยังคงเอาผู้ชายเป็นศูนย์กลางเหมือนกันอยู่ดี จัดให้ sex toy เปรียบเสมือนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาบำบัดความเจ็บป่วยในเพศหญิง ในฐานะ ‘โรคฮิสทีเรีย’ (hysteria) ซึ่งแปลตรงๆ ตัวว่า ‘’โรคของมดลูก’ ด้วยความเชื่อว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องตอบสนองความต้องการทางเพศให้กับเพศชาย จุดสุดยอดของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องต้องสนใจ การที่พวกเธอเกิดอยากด้วยตัวของเธอเองจนหงุดหงิดกระสับกระส่ายถือเป็นความเจ็บป่วยทางจิตที่ต้องรักษาด้วยการนวดคลึงด้วยมือ ไปจนถึงคลึงนวดพลังน้ำ และไวเบรเตอร์พลังงานไฟฟ้าที่ประดิษฐ์ขึ้นในช่วง 1880 เพื่อรักษาโรคเฉพาะของผู้หญิง[2]
อันที่จริงเมื่อปีที่แล้วก็มีวีรสตรีผู้หนึ่งนาม นิศารัตน์ จงวิศาล นักกิจกรรมอิสระที่เปิดหน้าเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ sex toy ถูกกฎหมาย ซึ่งยังคงเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวอยู่ถึงทุกวันนี้ ข้อวิพากษ์ต่อเธอในเบื้องแรกของการเคลื่อนไหวยังคงเป็นความดัดจริตทางศีลธรรมและวัฒนธรรมที่เพิ่งสร้าง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับไวเบรเตอร์ รวมทั้งความไม่เข้าใจในสิทธิเนื้อตัวร่างกายว่า การละเมิดสุขภาวะทางเพศไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญพอที่จะต้องแก้กฎหมายหรือจารีตประเพณี
ร้ายไปกว่านั้นยังมองว่าการสำเร็จความใคร่ด้วยไวเบรเตอร์เป็นเรื่องส่วนบุคคลเฉพาะกลุ่ม กฎหมายไม่จำเป็นต้องถูกแก้เพื่อเรื่องส่วนตัวของคนกลุ่มน้อยนิด แทนที่จะมองว่ากฎหมายต้องรับรองคุ้มครองประชาชนให้ครอบคลุมทุกมิติ ขณะเดียวกันก็มีการแนะนำให้ sex toy เป็นเหมือนเครื่องมือทางการแพทย์ จะผลิตหรือนำเข้าต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้ที่จะซื้อต้องได้รับการลงนามอนุมัติจากหมอก่อน เออ… กูแค่เซี่ยน ไม่ได้ป่วย
เห็นมั้ย…Sex toy เป็นดัชนีชี้วัดวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์จริงๆ
การที่ใครสักคนจะเอื้อมไปคว้า sex toy มาช่วยตัวเอง หรือสั่งซื้อชิ้นใหม่ มันไม่ใช่ ‘อดยากปากแห้ง’ หรือ ‘ของขาด’ อย่างที่ใครหลายคนชอบล้อเลียน หรือเมื่อสั่งซื้อแล้วพนักงานส่งพัสดุจะต้องฉีกพัสดุมาโชว์ประจานให้อับอาย หากแต่เป็นการตระหนักได้ถึงความต้องการของตนเอง และสนองมันอย่างถูกทาง ถูกกาลเทศะยุคสมัยแห่งศตวรรษที่ 21 ไม่ดัดจริตไปนั่งสมาธิ ออกกำลังกาย สวนมนต์ ควบคุมอารมณ์ ที่เป็นการเกาไม่ถูกที่คัน ที่เกิดคันหูแต่ไปเกาคางแทน
และที่สำคัญไปกว่านั้นการใช้ sex toy คือการเป็นผู้บริโภคที่ต้องได้รับการคุ้มครองในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อตัวร่างกายอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งโดยเฉพาะ การที่ต้องแอบซื้อแอบขาย แอบผลิต ไม่มีมาตรฐานใดๆ ยิ่งทำให้ผู้บริโภคตกอยู่ในความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องมาเถียงเลยว่า ต่อให้ผิดกฎหมาย แต่ก็เห็นว่าสามารถซื้อหาได้ตามเว็บไซต์ ตามแอปพลิเคชั่น ได้อย่างสะดวกโยธิน ขนาดเสื้อผ้ากางเกง เอามาคลุมร่างกาย เรายังต้องลองแล้วลองอีก นี่เอามากระทุ้งเข้าไปในร่างกายหรือเอาอวัยวะบางส่วนยัด เข้าๆ ออกๆ จะไม่ให้ลองจับลองสัมผัสผิว ตรวจสอบวัสดุในการผลิตก่อนเลยหรือไง
ก็นั่นแหละ สถานะการดำรงอยู่ของ sex toy ยังเป็นภาพสะท้อนว่ากฎหมายของรัฐนั้นๆ ใส่ใจให้ความสำคัญกับประชาชนมากน้อยเพียงใด
อ้างอิงข้อมูลจาก
[1] Mels van Driel (Author); Paul Vincent (Translator). With the Hand: A Cultural History of Masturbation. London : Reaktion Books, 2012.
[2] Rachel P. Maines (ผู้เขียน) ; นภ ดารารัตน์ (ผู้แปล). เทคโนโยนี : ประวัติศาสตร์ไวเบรเตอร์ ฮีสทีเรียและออร์กัสซั่มของผู้หญิง. กรุงเทพฯ : พารากราฟ, 2559.