ถ้าวางคาแรกเตอร์สมการแบบสุดขั้วของ ‘ผู้ชายสายแดดดี้’ ที่สปอร์ต ใจดี เป็นผู้ใหญ่ พึ่งพิงได้ ให้อยู่ด้านซ้ายสุด อีกปลายทางของเส้นสมการด้านขวาสุดก็คงจะเป็น ‘ผู้ชายไม่รู้จักโต’ ที่ไม่รับผิดชอบ ไม่ชอบตัดสินใจ ไม่เป็นผู้นำ วันๆ ทำแต่เรื่องที่ไม่นำพา
เปิดหัวเรื่องมาเหมือนจะไม่ใช่คอลัมน์ดนตรี แต่เชื่อเราเถอะว่านี่คือคอลัมน์ดนตรี เพราะเรากำลังจะเล่าถึงเนื้อหาในเพลงใหม่จาก ซาบรินา คารืเพนเทอร์ (Sabrina Carpenter) นักร้องสาวร่างเล็ก ผมบลอนด์ทอง ลูกหม้อดิสนีย์ที่มาแรงแบบพุ่งทะยานไม่มีอะไรมาต้านได้ในปี 2024 จากเพลง Espresso, Please Please Please และ Taste
ซาบรินาปล่อยเพลง Manchild เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2025 เพลงนี้ถูกเขียนและโปรดิวซ์โดยซาบรินาและ แจ๊ค แอนโตนอฟ (Jack Antonoff) นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ชื่อดังที่เคยโปรดิวซ์ให้ศิลปินดังๆ มาแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) หรือ เคนดริก ลามาร์ (Kendrick Lamar)
หลังปล่อยเพลงนี้ออกมา ก็มีทั้งกระแสมีบวกและลบ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ ของนักร้องระดับนี้ที่เพิ่งชนะรางวัลแกรมมี่ไปเมื่อต้นปี 2025 ถึงสองรางวัล (สาขา Best Pop Solo Performance จากเพลง Espresso และสาขา Best Pop Vocal Album)
ก่อนเราจะไปถึงเรื่องกระแสวิพากษ์วิจารณ์เราจะไปดูกันก่อนว่าเนื้อหาของเพลง Manchild ซาบรินาพูดถึงอะไรบ้าง?
ถ้าจะบอกว่าเพลง Manchild เป็นเพลงที่เฟมินิสต์สุดๆ เป็นเพลงเพื่อนหญิง พลังหญิง เพราะตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้ายของเพลงนี้ ซาบรินาใส่ไม่ยั้งกับการร่ายยาวถึงความไม่เอาไหนของผู้ชายจำพวก ‘Manchild’ คำที่เธอนิยามขึ้นมาใหม่เอง หมายถึงผู้ชายที่ไม่รู้จักโตสักที ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นำพาแต่ความอิหยังวะมาให้ผู้หญิงต้องงรับบทเป็นผู้นำในความสัมพันธ์อยู่บ่อยๆ
บางท่อนของเพลงที่แซ่บๆ และเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมนักวิจารณ์เพลงและชาวเน็ต ก็อย่างเช่น
And I swear they choose me,
I’m not choosing them (Not choosing them)
“สาบานกับพระเจ้าเลย หนูไม่ได้เลือกพวกเขานะคะ เขาเลือกหนูค่ะ”
If I’m not there, it won’t get done.
I choose to blame your mom
“ถ้าฉันไม่อยู่ตรงนั้น ไม่จัดการให้ อะไรๆ ก็คงไม่เสร็จ (ที่เธอเป็นแบบนี้) ฉันเลือกโทษแม่เธอก็แล้วกัน”
ตัวอย่างประโยคพวกนี้ที่ได้เห็นในเนื้อเพลงคุณก็น่าจะเดาได้แล้วใช่ไหมว่า กระแสเชิงบวกและเชิงลบจะเป็นยังไงบ้าง กระแสเชิงบวกที่พูดกันมากมายก็ อย่างเช่น โอ้โห น่าสนใจและกล้าดีจัง ทั้งตัวเพลง ทั้งงานภาพ งานมิวสิควิดีโอ เหมือนชุบชีวิตมาริลีน มอนโรลให้กลับมาอีกครั้งในยุค 2025 เลย
ส่วนเชิงลบก็อย่างเช่น แหม หากินกับเนื้อหาท่าเก่าอีกแล้วนะ ทั้งทางเพลง ทางคอร์ด ทางดนตรี ไม่มีอะไรใหม่เลย ดูซ้ำเดิมจากชุดที่แล้วเลย
เนื่องจากเนื้อหาเพลงนี้พูดเรื่องความรักและความสัมพันธ์ ซึ่งถ้าเราเห็นความสัมพันธ์แบบนี้ในชีวิตจริงที่ผู้หญิงเป็นผู้นำ ส่วนผู้ชายเป็นผู้ตาม แถมบางทีไม่ใช่แค่ตามอย่างเดียว แต่ออกไปทางเป็นภาระที่ฝ่ายหญิงต้องรับหน้าที่ดูแลทุกอย่าง (ตามเนื้อเพลงและภาพในมิวสิควิดีโอ) เราขอสรุปว่า มันก็ออกไปทางความสัมพันธ์ในรูปแบบที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว พูดง่ายๆ คือ ความรักแบบนี้ออกไปทาง มาเป็นภาระทางชีวิตมากกว่ามาเป็นกำลังใจให้กัน
แต่เดี๋ยวก่อน ความเป็นมาของรูปแบบความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นความสัมพันธ์แบบฝ่ายหญิงถูกบีบบังคับให้เป็นฝ่ายแบกอยู่ฝั่งเดียวจริงหรอ?
ก่อนอื่น เราไม่ได้จะเบลมว่าใครเป็นเหยื่อของความสัมพันธ์ เราเพียงแค่อยากให้คุณถอยหลังมา 1 ก้าวแล้วลองทบทวนดูว่า เมื่อเราก้าวเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์โดยไม่มีใครบังคับ แล้วอยู่ๆ ไปๆ มาๆ โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าผู้ชายที่เราคบอยู่เขาเป็น เด็กชายในร่างผู้ใหญ่หรือ Manchild แบบที่ซาบรินาเรียก แบบนี้เราจะไปกล่าวว่าฝ่ายชายฝ่ายเดียวก็อาจจะไม่ถูก 100% เพราะไม่มีใครบังคับใครได้ให้อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ได้ ถ้าเราชอบความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะเราชอบที่จะดูแลทุกอย่าง ชอบให้มีผู้ชายที่เป็น Manchild อยู่ในชีวิต เพราะคิดว่าเขาก็น่ารักดี และเรามีความสุขที่ได้ดูแลเขา อย่างนั้นก็เป็นส่วนผสมของคู่รักที่ลงตัวพอดี เป็นจิ๊กซอว์ที่ต่อกันติด
แต่หากคุณผู้หญิงที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ แล้วคิดว่าเหนื่อยเหลือเกินค่ะคุณพี่ ไม่มีความสุขเลย ไม่อยากได้ลูกชายในร่างแฟนแบบนี้ คุณมีสิทธิ์ที่จะก้าวออกมาได้ทุกเมื่อขอเพียงแค่คุณกล้าเลือกเดินออกมาอย่างที่ใจคุณปรารถนาเท่านั้นเอง (เข้าใจว่าการเลือกมันก็ยาก แต่คนเรามันก็เลือกได้นะ)
ทั้งหมดที่เราเขียนมาสะท้อนสังคมที่ไม่ใช่แค่ในปัจจุบันหรอก แต่ไหนแต่ไรก็มีความสัมพันธ์แบบนี้ให้เราเห็นกันอยู่มากมาย แต่ไม่ได้ถูกเขียนออกมาเป็นเพลง Manchild ก็เท่านั้นเอง
ผู้หญิงบางคนแฮปปี้ที่จะได้อยู่กับคุณผู้ชายแบบนี้ ขณะที่คุณผู้หญิงบางคนคิดว่า โอ้โห ต้องโทษคุณแม่เธอแล้วล่ะที่ไม่สั่งสอนเธอให้โตขึ้นเลย เราจะบอกว่า คุณเลือกได้เสมอนะว่าคุณอยากเป็นแม่อีกคนของผู้ชายแบบ Manchild หรือคุณอยากไปเจอผู้ชายแบบอื่นแบบที่ใจคุณอยากจะรักจริงๆ
คุณเลือกได้
ขมวดปมทุกอย่างกับคำถามที่ว่า แล้วซาบรินาเขียนเพลงนี้เพื่อประชดประชันจิกกัดแฟนเก่าคนที่ผ่านๆ มาของเธอรึเปล่านะว่าเป็น Manchild ผู้ชายไม่เอาไหน?
เราก็คงตอบไม่ได้เพราะเราไม่ใช่ซาบรินา และเรายังไม่เคยคุยกับเธอ รู้เพียงแต่ว่าเธอมีภูมิหลังเป็นนักแสดงในละครซิทคอมของ Disney และเธอเป็นคนมีอารมณ์ขันในเรื่องการเขียนเนื้อเพลงให้มันแนบเนียนไปกับคนยุคใหม่อยู่เสมอมาแต่ไหนแต่ไร
เจตนาของซาบรินาจะเป็นยังไงคงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ แต่ที่สำคัญคือ เธอสามารถสร้างหัวข้อชวนให้สงสัยและทำให้พวกเรามาสนทนากันได้ ส่วนตัวเราเองเรายืนอยู่ข้างความเชื่อที่ว่าซาบรินาเธอไม่ได้คิดจะแฉใครเป็นพิเศษหรอก เธอแค่มีอารมณ์ขันแบบตลกร้ายและแปรเปลี่ยนมันให้เป็นเพลงฮิตบนบิลบอร์ดได้อีกครั้งก็เท่านั้นเอง
ส่วนเพลงนี้จะเป็นเพลงของฤดูร้อนนี้เหมือนที่ Espresso เคยทำได้ในปี 2024 ไหมต้องคอยติดตาม ตอน ต่อ ไป…