1.
“ภาพจำสุดท้ายคือ ฉันต้อนรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องที่เดนมาร์ก แล้วตื่นมาที่โรงพยาบาล โดยมีแม่อยู่ข้างๆ”
วันที่ 26 มกราคม ปี 1972 ชีวิตของเวสนา วูโลวิช (Vesna Vulovic) วัย 23 ปี จะเปลี่ยนไปตลอดกาล
ตั้งแต่เด็ก เวสนา มีความฝันอยากทำงานเป็นแอร์โฮสเตส เพราะอยากเดินทางท่องไปทั่วโลก เมื่อเพื่อนที่รู้จักสอบได้และได้ใส่ยูนิฟอร์มสายการบิน มันเลยกลายเป็นแรงบันดาลใจกระตุ้นให้เธอตั้งมั่นที่จะทำงานสายนี้ให้ได้
หญิงสาวผ่านการสอบข้อเขียน และใกล้จะได้ทำงานเป็นพนักงานบนเครื่องบินอยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เธอมีภาวะความดันต่ำ ซึ่งถือเป็นข้อห้ามที่สายการบินซึ่งเธอจะเข้าทำงานกำหนดไว้
ในวันที่ตรวจร่างกาย หากแพทย์พบว่าเวสนามีภาวะนี้ เธอจะอดเป็นแอร์โฮสเตสอย่างแน่นอน เมื่อรู้ดังนั้น หญิงสาวจึงซดกาแฟหลายแก้ว ก่อนไปพบแพทย์ เพื่อทำให้หัวใจเต้นแรง ความดันขึ้นสูง การเดิมพันด้วยการโกงครั้งนี้สำเร็จ
เธอได้รับการคัดเลือกให้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสให้กับสายการบินยูโกสลาฟ และก่อนจะถึงวันที่ 26 มกราคม 1972 เธอทำงานที่สายการบินแห่งนี้ได้ 8 เดือนแล้ว ในวันนั้นเวสนาอยู่ที่สวีเดน ยังไม่มีกำหนดให้ต้องขึ้นเครื่องกลับ เธอควรจะได้เที่ยวชมความงามของประเทศนี้อยู่อีกหลายวัน
อย่างไรก็ดีเพราะความผิดพลาดของสายการบิน พวกเขาไปจำชื่อเธอสลับกับแอร์โฮสเตสหญิงอีกคน นั่นทำให้เธอต้องขึ้นบินไฟลท์ 367 จากสวีเดน มุ่งหน้าสู่เบลเกรด ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูโกสลาเวียในขณะนั้น
เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้าตามปกติ มันบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 28 ชีวิต โดยมีเวสนาอยู่บนนั้นด้วย
ตามกำหนดการ เครื่องลำนี้ จะแวะพัก 2 ครั้งด้วยกัน จุดแรกคือที่เดนมาร์ก และอีกจุดคือเมืองซาเกร็บ โครเอเชีย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียอยู่
ไฟลท์ 367 แวะพักที่เดนมาร์ก แต่ไม่มีโอกาสได้พักที่เมืองซาเกร็บแต่อย่างใด
หลังขึ้นบินออกจากเดนมาร์กได้ประมาณ 40 นาที ในเวลา 16.01 น. ของวันที่ 26 มกราคม ปี 1972 กระเป๋าใบหนึ่งที่มีคนนำไปใส่ในช่องเก็บสัมภาระก็เกิดระเบิดขึ้น ขณะไฟลท์ 367 กำลังบินผ่านเทือกเขาหนาวยะเยือกในประเทศเชโกสโลวาเกีย
แรงระเบิดมันรุนแรงอย่างมาก ผู้ก่อการร้ายเจตนาบึ้มเครื่องบินลำนี้ และเขาทำสำเร็จ ความรุนแรงของอาวุธมหาประลัย ฉีกเครื่องบินลำนี้ออกเป็น 3 ชิ้นในฉับพลัน
ผู้โดยสาร 27 ราย เสียชีวิตทันที พวกเขากระเด็นออกจากตัวเครื่อง เผชิญกับอุณหภูมิที่ติดลบถึงขั้นเยือกแข็ง กระเด็นกระดอนไปคนละทางอย่างน่าสลด
เครื่องดิ่งจากความสูง 3.3 หมื่นฟุต หรือประมาณ 1 หมื่นเมตร จากเวหาสู่ภาคพื้นดิน มันร่วงกระแทกอย่างรุนแรง
ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
แต่ภายใต้ความมืดมนโหดเหี้ยม ปาฏิหาริย์กลับเกิดขึ้น และมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นถึง 3 ครั้งด้วยกัน
เพราะเหตุเครื่องบินระเบิดนี้ มีผู้รอดชีวิต
เธอผู้นั้นคือ เวสนา วูโลวิช
2.
พลันที่เกิดระเบิดขึ้น เวสนาอยู่ที่ท้ายเครื่อง อาวุธสังหารแผ่อานุภาพอย่างรุนแรง แต่เพราะขณะนั้นหญิงสาวอยู่ใกล้รถเข็นอาหาร แรงระเบิดดันตัวรถเข็นกระแทกอัดเข้ากับตัวของเวสนาอย่างรุนแรง เธอกระเด็นไปอยู่ท้ายสุดของเครื่อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ภายใต้ความเจ็บปวดนี้ มันกลับคุ้มค่ายิ่งนัก เพราะทำให้เวสนาไม่ได้กระเด็นออกจากตัวเครื่องบิน เธอติดคาอยู่ในนั้น โดนข้าวของหลายอย่างรุมกระแทกเข้าที่ตัว
จากนั้นส่วนท้ายของเครื่อง ก็ดิ่งสู่พื้นดินด้วยความรวดเร็ว รุนแรง ด้วยความสูง 10 กว่ากิโลเมตร แรงอัดที่ส่วนท้ายอัดขยี้กับหิมะเบื้องล่างรุนแรงอย่างมาก
เวสนาควรจะตายตามคนบนเครื่องทั้งหมด
แต่เธอกลับรอดได้อย่างเหลือเชื่อ เป็นปาฏิหาริย์ที่ใครก็คาดไม่ถึงว่าหญิงคนนี้จะมีชีวิตต่อ แม้จะหายใจรวยริน เพราะบาดเจ็บอย่างหนักก็ตาม
การร่วงพร้อมเครื่องบินที่ความสูงขนาดนี้ ทำให้หญิงสาวกะโหลกศีรษะร้าว ขาหัก 2 ข้าง กระดูกสันหลังหัก 3 ชิ้น กระดูกเชิงกรานหัก ไม่นับซี่โครงที่ถูกกระแทกจนหักหลายซี่
และที่สำคัญเธอเป็นอัมพาตชั่วคราวบริเวณใต้เอวลงไป
แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่อาการของเธอเข้าขั้นวิกฤติ ณ ป่าเขาที่หนาแน่นด้วยหิมะขาวโพลน แม้จะมีการแจ้งข่าวแล้ว แต่ทีมกู้ภัยก็ไม่สามารถเข้าไปในจุดเกิดเหตุได้อย่างทันที แถมทุกฝ่ายยังคิดว่า ไม่น่าจะมีคนรอด
ด้วยความจริงแบบนี้ เวสนาจึงทำได้เพียง 2 อย่าง อันแรกคือรอมัจจุราชมารับตัวไปในไม่ช้า ปิดฉากชีวิตด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น ยังอ่อนต่อโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ยิ่งนัก
แต่แล้วหญิงสาวก็สวมวิญญาณใจเพชร ท่ามกลางความเจ็บปวดสุดแสนเกินกว่าจะบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ท่ามกลางความสิ้นหวังมืดหม่น ไร้ทางออก เพราะแค่ร่างกายจะขยับยังทำไม่ได้
เวสนากลับเลือกเส้นทางอีกอย่าง นั่นก็คือแหกปากร้องอย่างต่อเนื่อง เธอร้องขอความช่วยเหลือ โดยไม่กลัวเสียงแหบ นี่คือสัญชาตญาณที่ต้องการมีชีวิตรอด สั่งการในสภาวะโคม่า หวังว่าอย่างน้อย เมื่อมีปาฏิหาริย์ครั้งแรกเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรจะมีปาฏิหาริย์ครั้งที่ 2 ตามมา
นั่นก็คือมีใครสักคนผ่านมาช่วยชีวิต
ทว่าในป่าเขาแบบนี้ จะเป็นไปได้เหรอ ยิ่งคิดยิ่งหมดหวัง แต่เวสนาก็แหกปากร้องไปเรื่อยๆ แม้จะเข้าขั้นสติเลอะเลือน คาบเกี่ยวข้ามไปมาระหว่างความเป็นกับความตาย
แต่เสียงร้องของเธอก็ยังดังออกมาจากซากเครื่องบินมรณะลำนี้ เธอไม่ยอมถอย เธอไม่ยอมท้อ และเธอไม่ยอมแพ้
และแล้วในที่สุดปาฏิหาริย์ครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้นจริงๆ
3.
บรูโน่ ฮองเก้ (Bruno Honke) เป็นอดีตทหารผ่านศึกชาวเช็กในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ เขาเดินออกมาสำรวจเหตุเครื่องบินตก ขณะนั้นเป็นเวลามืดแล้ว ป่าห่มคลุมด้วยราตรี ดวงดาวกำลังระยิบระยับ อดีตนักรบคนนี้ทำงานเป็นแพทย์สนาม จึงมีความรู้เรื่องการช่วยชีวิตคนเป็นอย่างดี
เสี้ยววินาทีที่บรูโน่เดินสำรวจซากเครื่องบินไฟลท์ 367 อยู่นั้น เสียงร้องของคน ก็ดังออกมากจากภายใน แพทย์สนามที่เคยช่วยชีวิตเพื่อนร่วมรบในมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเดินเข้าไปสำรวจโดยละเอียด และเข้าไปข้างใน
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นร่างของเวสนา ในสภาพยับเยิน นองไปด้วยเลือด เคล้าไปด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องของเธอทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ มันเรียกเอาปาฏิหาริย์ครั้งที่ 2 ออกมาได้สำเร็จ
บรูโน่ตรงเข้าไปคุ้ยซากเครื่องบินจนพบร่างเธอ จากนั้นปาฏิหาริย์ที่ 2 ก็ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเขารู้ว่าจะต้องช่วยชีวิตคนอย่างไร ทำให้เวสนาถูกลำเลียงจากเครื่องแบบปลอดภัย ไม่เพิ่มอาการบาดเจ็บให้รุนแรงไปมากกว่านี้
บรูโน่พาร่างอันบอบช้ำของเวสน่าเข้าไปในหมู่บ้าน ก่อนที่จะส่งตัวให้กับทีมกู้ชีพนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างเหลือเชื่อ
เธอรอดจากเหตุเครื่องบินตกมาได้ ดิ่งร่วงลงมากว่า 1 หมื่นเมตร ใครเห็นก็คิดว่าไม่รอด แต่เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะติดอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังในป่าที่ทีมกู้ภัยยังมาไม่ถึง กรีดร้อง โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้มีชีวิตยืนยาวถึงตอนเจ้าหน้าที่มาหรือไม่
แต่เธอก็ได้หายใจต่อ เพราะบรูโน่เข้าช่วยเหลือได้ทัน
หญิงสาวถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาล เธอไม่ได้สติ อยู่ในอาการโคม่าเข้าขั้นวิกฤติถึง 10 วันด้วยกัน แม่ของเธอรุดเดินทางจากยูโกสลาเวียมายังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าลูกสาวสุดที่รัก
ทุกฝ่ายคิดว่าเธอน่าจะตาย เพราะมันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะรอดจากภัยพิบัติครั้งรุนแรงนี้ แถมปาฏิหาริย์ที่เธอได้รับก็คงจะต้องได้ฤกษ์หมดลงเสียที
แต่แล้วก็ดันมีปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3 เกิดขึ้น
4.
หลังนอนรักษาตัวอยู่นานหลายวัน เวสนาก็ลืมตาตื่นขึ้น ได้สติ ระลึกได้ว่าขณะนี้อยู่ที่เตียงพยาบาล ยังขยับแข้งขาไม่ได้ ตามตัวมีแผลเต็มไปหมด ยังเจ็บปวดร้าวอยู่ในที และก็เห็นแม่อยู่ข้างตัว จากนั้นเวสนาจึงถามมารดาบังเกิดเกล้าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะเธอจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย เนื่องจากความทรงจำของตัวเองได้ปิดกั้นไม่ให้รำลึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายนี้ จึงมีเพียงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ซึ่งพบว่าเธอรอดมาได้อย่างไร ประกอบกับคำให้การของบรูโน่ที่บอกว่าเจอเธอได้อย่างไร
ทุกอย่างร้อยเป็นข้อมูลที่เวสนาได้รับรู้อีกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องราวของเธอเอง แต่หญิงสาวกลับจำไม่ได้ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เธอบอกว่า ความทรงจำมีเพียงเริ่มจาก ต้อนรับผู้โดยสารบนเครื่อง ขณะพักจอดที่เดนมาร์ก หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปเลย ก่อนจะตื่นมาพบแม่ที่เตียงในโรงพยาบาล
การรอดชีวิตของเวสนาเป็นข่าวดังไปทั่วโลก กินเนสบุ๊กบันทึกว่า เธอเป็นมนุษย์คนแรกที่ร่วงมา 1 หมื่นเมตร และรอดชีวิตมาได้ โดยไม่มีร่มชูชีพ ทุกคนยอมรับว่าชีวิตเธอเจอความเลวร้าย แต่ก็มีปาฏิหาริย์เกื้อหนุน จนได้โอกาสใช้ชีวิตต่อ
เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา แพทย์หลายคนคิดว่าหญิงสาวคงจะต้องเป็นอัมพาตช่วงล่างไปทั้งชีวิตอย่างแน่แท้ อย่างไรก็ดี 10 เดือนหลังรักษาตัว เวสนาก็กลับมาเดินได้อีกครั้ง เป็นปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3 ซึ่งยิ่งใหญ่และเหลือเชื่อเอามากๆ เธอใช้ชีวิตได้เหมือนมนุษย์ปกติ หายจากความบอบช้ำของเหตุเครื่องบินระเบิด
แม้จะเดินกะเผลกไปบ้าง เพราะกระดูกสันหลังบิด แต่โดยรวม เธอถือว่าหายเป็นปลิดทิ้ง และกลับเข้าทำงานในสายการบินยูโกสลาฟต่อ แม้จะไม่อาจเป็นแอร์โฮสเตสได้อีก แต่ก็ยังได้ทำงานที่โต๊ะ มีงานทำ มีชื่อเสียง กลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน
นี่คือปาฏิหาริย์ครั้งที่ 3 ซึ่งงดงามอย่างยิ่ง
5.
ส่วนสาเหตุเครื่องบินระเบิดนี้ ทางการยูโกสลาเวียสั่งสืบสวนทันที พวกเขาคาดว่าผู้ก่อเหตุ คือกลุ่มชาตินิยมโครเอเชียที่วางแผนก่อการร้ายในวันดังกล่าวหลายจุด ทั่วทั้งประเทศยูโกสลาเวีย โดยมีการนำกระเป๋าบรรจุระเบิดไปใส่ในสัมภาระของไฟลท์ 367 จนแทบจะตายยกลำ
อย่างไรก็ดี น่าเสียดายมากๆ ที่การสืบสวนของทางการยูโกสลาเวีย ไม่นำไปสู่คำตอบที่ชัดเจนว่าใครกันแน่ที่ก่อเหตุนี้ แม้วันเดียวกับเครื่องระเบิดนั้น จะมีการวางระเบิดรถไฟที่วิ่งไปเมืองซาเกร็บ มีคนเจ็บ 6 ราย แถม 1 วันหลังเกิดเหตุ หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในสวีเดน ได้รับโทรศัพท์จากผู้อ้างว่าเป็นคนลงมือ ในฐานะนักชาตินิยมชาวโครเอเชียก็ตาม
แต่ทางการยูโกสลาเวียก็คว้าน้ำเหลว ไม่อาจไขความจริงได้เลยแม้แต่นิด ไม่มีการออกหมายจับใคร และไม่มีใครถูกดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว
เมื่อไม่อาจหาความจริงได้ ทฤษฎีสมคบคิดก็ทำงานทันที โดยเรื่องที่ลือกันมากสุดก็คือ คำอ้างว่าไฟลท์ 367 ถูกยิงโดยขีปนาวุธของกองทัพอากาศเชโกสโลวาเกีย
โดยทฤษฎีนี้มีคนร่ำลือกันไปหมด ร้อนถึงทางยูโกสโลวาเกีย เชโกสโลวาเกียและเนเธอร์แลนด์ ต้องส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพร้อมยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะไฟลท์ 367 บินอยู่สูงมาก สูงเกินกว่าที่ขีปนาวุธจะส่องถึง แถมหลักฐานของกองทัพอากาศเชโกสโลวาเกียก็ไม่ได้รับแจ้งการยิงขีปนาวุธแต่อย่างใด
นั่นทำให้การระเบิดครั้งนี้ เป็นปริศนา ที่ในเวลาต่อมา ก็ค่อยถูกทำให้เงียบลงไปเรื่อยๆ ไม่มีการทวงความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต เหลือทิ้งไว้เพียงเรื่องราวปาฏิหาริย์ของเวสนาเท่านั้นที่ยังได้รับการเล่าขานจนถึงปัจจุบัน
6.
หญิงสาวผู้รอดชีวิตรายนี้ กลายเป็นคนดังระดับชาติ ได้เข้าพบประธานาธิบดี กลายเป็นแขกคนพิเศษของวงดนตรีเดอะบีเทิลส์ด้วย เธอทำงานที่สายการบินแห่งนี้ ยังขึ้นเครื่องบินได้ปกติ โดยไม่มีอาการหวั่นเกรงอะไร แต่แล้วในปี 1991 เธอก็ถูกไล่ออกจากงาน โดยฝีมือของรัฐบาลคลั่งชาตินิยม ที่ไม่พอใจว่าเวสนาปลุกปั่นให้คนต่อต้านรัฐบาล
สุดท้ายรัฐบาลขวาจัดนี้ได้ก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จนยูโกสลาเวียล่มสลาย แตกเป็นประเทศต่างๆ จนถึงทุกวันนี้
เวสนาพยายามใช้ชื่อเสียงตัวเอง ออกมาเรียกร้องประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาลขวาคลั่งชาติ อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงไม่ทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นแต่อย่างใด ไม่อาจแม้กระทั่งช่วยยูโกสลาเวียจากการสิ้นชาติได้
หญิงสาวพบความจริงอันเจ็บปวด ได้แต่งงาน แต่ก็ต้องหย่าร้าง อาศัยอยู่กับแมวที่รัก 3 ตัว ยังชีพด้วยเงินบำนาญก้อนเล็กๆ มีน้องชายหมั่นมาเยี่ยม จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต ในวันที่ 28 ธันวาคม ปี 2016 หรือ 44 ปีหลังเหตุเครื่องบินตก เวสนาก็จากโลกใบนี้ด้วยวัยถึง 66 ปี
ก่อนตาย เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิวยอร์ก ไทมส์ว่า เธอเปรียบชีวิตตัวเองเหมือนแมว คือมีตั้ง 9 ชีวิตด้วยกันจึงรอดตายมาได้
อย่างไรก็ดีเวสนาได้ย้ำอย่างจริงจังว่า เหตุการณ์เครื่องบินระเบิดนี้ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตเธออย่างใหญ่หลวงเลย แถมยังสร้างบาดแผลในใจตลอดมาด้วย แม้คนทั้งโลกจะมองหญิงสาวเป็นสัญลักษณ์แห่งการไม่ยอมแพ้ เป็นความหวัง เป็นแรงบันดาลใจมากมายก็ตาม
แต่ทางเวสนากลับพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างปลงๆ ว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน อาจเป็นเพราะตัวเองดันอยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้น”
“และหากฉันโชคดี เหมือนที่ใครเขาว่าจริง ฉันก็ไม่ควรจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย”
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2016/12/28/world/europe/vesna-vulovic-died-flight-attendant-in-plunge.html
https://www.nytimes.com/2008/04/26/world/europe/26html
https://www.bbc.com/news/world-europe-38427411
https://www.thestatesman.com/features/vesna-vulovic-survived-33333-feet-fall-html
https://news.yahoo.com/vesna-volovi-fell-over-33-181647108.html?guccounter=1