เพราะความหมายของคำว่า ‘บ้าน’ เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย
มีสำนวนหนึ่งกล่าวไว้ว่า a house is made of “brick and stone”, a home is made of “love” alone. แสดงให้เห็นถึงความหมายและความสำคัญของคำว่า ‘บ้าน’ ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่แฝงความหมายในเชิงความรู้สึกครอบคลุมไปถึง ความผูกพัน ครอบครัว วิถีชีวิต ที่อบอวลอยู่ภายในบ้านแต่ละหลัง บ้านจึงไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นเรื่องราวที่ค่อยๆ หล่อหลอมให้คนมีความเชื่อ ความคิด จากสภาพแวดล้อมโดยรอบของบ้าน
เมื่อบ้านเป็นมากกว่าแค่ที่พักอาศัย การจะซื้อบ้านสักหลัง สิ่งที่เราต้องพิจารณาจึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง ราคา ทำเลที่ตั้ง การเดินทาง แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่ากันคือ ‘ชีวิตที่เราจะได้จากการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น’
แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ “บ้านกลางเมือง” ที่จะปรับภาพลักษณ์ใหม่ของ “บ้าน” ไม่ใช่เพียงสถานที่ แต่บ้านคือ “วัฒนธรรมการอยู่อาศัย” ที่สะท้อนตัวตนของคุณและหลอมรวมคุณค่าแห่งวิถีชีวิต
Finest Living Norm ปรัชญาความสุขแบบวิถีบ้านกลางเมือง
ปรัชญาความสุขแบบวิถีบ้านกลางเมือง คือการมองย้อนกลับไปสู่สิ่งสำคัญพื้นฐาน ที่เรียบง่ายของการอยู่อาศัย นั่นคือ การที่ได้อยู่บ้านแล้วมีความสุขในที่ๆ เป็นของเรา จึงเกิดเป็น “วิถีบ้านกลางเมือง” สิ่งที่บ้านกลางเมืองตั้งใจมอบให้ลูกค้ามาตลอด 3 ทศวรรษจวบจนปัจจุบัน เพื่อสร้างบรรทัดฐานการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด (Finest Living Norm) ผ่านองค์ประกอบสำคัญสามอย่างคือ Complete Privacy, Living Greenery และ Curated Culture ภายในพื้นที่ๆ ทั้งบ้านและโครงการที่มอบคุณค่าให้กับผู้อยู่อาศัย
เป็นส่วนตัว..จนได้ยินเสียงความคิดตัวเอง (Complete Privacy)
ความเป็นส่วนตัวและความสงบ คือหนึ่งในองค์ประกอบของบ้านที่ทุกคนโหยหา แต่บางครั้งอาจลืมไปว่า แท้จริงแล้วเราต้องการสิ่งนี้อยู่ การได้กลับมาสู่อ้อมกอดของบ้านที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว ไม่ถูกรบกวนหลังจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน คือความสุขเล็กๆ ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้หลุดพ้นจากโลกภายนอก เพื่อเชื่อมต่อความรู้สึกภายในของตัวเองกับพื้นที่ที่ให้ความสงบและเป็นส่วนตัวมากพอสำหรับการพักผ่อน
ความต้องการนี้จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะที่บ้านกลางเมืองให้ความรู้สึก สงบ..จนได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง จากความเป็นส่วนตัวไร้สิ่งรบกวน (Privacy) ที่ไม่ใช่เพียงพื้นที่ภายในบ้าน แต่รวมถึงพื้นที่ภายในทั้งโครงการ นอกจากนั้นการออกแบบพื้นที่ภายในบ้าน ยังสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนและปรับเปลี่ยนได้ยืดหยุ่น ตามความต้องการของเจ้าของบ้าน เพื่อตอบสนองความเป็นตัวคุณมากที่สุด
ผ่อนคลาย..เพราะมีธรรมชาติเป็นเพื่อน (Living Greenery)
สิ่งที่เยียวยาสุขภาพจิตและสุขภาพกายของมนุษย์ได้ดีที่สุด นั่นคือ ‘ธรรมชาติ’ มีงานวิจัยจำนวนมากที่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม อย่างผลสำรวจของ University of Exeter Medical School ที่ศึกษาคนเมืองกว่า 10,000 คน พบว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขตใกล้กับพื้นที่สีเขียว มีแนวโน้มที่จะมีความเครียดน้อยกว่าผู้คนที่อยู่ไกลออกไป หรืองานวิจัยของ Richard Mitchell จาก University of Glasgow พบว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้สวนและธรรมชาติ จะมีแนวโน้มของอัตราการเสียชีวิต รวมถึงอัตราการป่วยเป็นโรคต่างๆ ต่ำกว่าผู้คนที่อยู่ไกลจากธรรมชาติ
พื้นที่สีเขียวจึงกลายเป็นเรื่องที่บ้านกลางเมืองให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อทำให้วิถีของการอยู่อาศัย วิถีของบ้าน น่าอยู่ยิ่งขึ้น การปล่อยให้ต้นไม้ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน สร้างร่มเงาจากภายนอกและความร่มรื่นจากภายใน ปล่อยให้สายลมพัดเอากลิ่นไอของธรรมชาติและแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดมาจากกิ่งไม้ สาดส่องเข้ามาในบ้าน ทำให้เกิดความผ่อนคลาย เสมือนการได้ถูกบำบัดจากธรรมชาติ
อยู่ท่ามกลางผู้คนที่ให้คุณค่ากับการใช้ชีวิต ในสังคมที่ให้คุณค่าการใช้ชีวิตที่ดีร่วมกัน (Curated Culture)
เมื่อการเลือกซื้อบ้านหมายรวมถึงการเลือกซื้อคุณภาพชีวิตด้วยเช่นกัน การมองหา ‘คุณภาพชีวิต’ ที่เราจะได้หลังจากอยู่อาศัย จึงเป็นปัจจัยสำคัญในปัจจุบันที่คนให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่า ราคา หรือ ทำเลที่ตั้ง เพราะวิถีชีวิตนี้ไม่ได้อยู่เพียงแค่กับตัวเรา แต่ยังรวมถึงครอบครัวที่จะได้เติบโตมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมเหล่านั้น ทำให้เราสบายใจตั้งแต่ก้าวแรกที่จะได้เข้าไปอยู่อาศัยในสังคมดีๆ สักแห่ง ที่หลอมรวมคนที่ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกัน มีแนวคิดร่วมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในสังคมแบบ “วิถีบ้านกลางเมือง”
ตลอดระยะเวลากว่า 29 ปี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1991 ตลอดจนถึงปัจจุบัน “บ้านกลางเมือง” ได้มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย (Quality of Life) มาโดยตลอด ผ่านองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่างข้างต้น จึงทำให้ ‘บ้านกลางเมือง’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการที่อยู่อาศัย แต่เป็นวัฒนธรรมการอยู่อาศัย ในวิถีบ้านกลางเมือง อันเป็นบรรทัดฐานการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด (Finest Living Norm)
พบโมเดลใหม่ล่าสุดจากบ้านกลางเมือง X-tale Model บ้านแฝด 3 ชั้น โมเดลใหม่ดีไซน์สุดตระกาลตา ขยายทุกเรื่องราวของการใช้ชีวิตที่เป็นได้มากกว่า (Extend your extraordinary tale) บนพื้นที่ใช้สอย 221 ตารางเมตร ด้วยฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว ที่จอดรถได้ 3 คัน และอีก 2 โมเดลที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอดจากบ้านกลางเมือง ได้แก่ Terraria Model ทาวน์โฮม 3 ชั้น โมเดลจากแรงบันดาลใจแห่งสวนในขวดแก้วเชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวจากภายนอกสู่ภายในบ้าน และ Urbanist Model ทาวน์โฮม 3 ชั้น โมเดลที่คิดเพื่อวิถีชีวิตคนเมือง ครบและลงตัว (SIMPLY MODERN DESIGN) ด้วยดีไซน์ทันสมัยและเรียบง่าย เพราะทุกโมเดลบ้านสามารถสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยในแบบคนเมืองออกมาได้เป็นอย่างดี
พร้อมสัมผัสวิถีบ้านกลางเมือง กว่า 15 ทำเลศักยภาพ ทั่วกรุงเทพฯ และ เตรียมพบกับ 5 โครงการใหม่ เปิดประสบการณ์วิถีบ้านกลางเมือง เพื่อบรรทัดฐานการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด (Finest Living Norm)
เตรียมเปิดโครงการ 12-13 กันยายน นี้
- บ้านกลางเมือง The Edition สาทร-สุขสวัสดิ์
- บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-สาทร
เตรียมเปิดโครงการ 17-18 ตุลาคม นี้
- บ้านกลางเมือง ศรีนครินทร์-อ่อนนุช
- บ้านกลางเมือง พหลฯ-รามอินทรา
เตรียมเปิดโครงการ 14-15 พฤศจิกายน นี้
- บ้านกลางเมือง รามอินทรา 83 สเตชั่น
ทำความรู้จักปรัชญาความสุ ขแบบวิถีบ้านกลางเมืองเพิ่มเติ มได้ที่ : https://bit.ly/2PlxbhN
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.nationalgeographic.com/magazine/2016/01/call-to-wild/
www.freddiemac.com/blog/homeownership/20181206_generation_z_is_buying_homes.page?
https://magazine.realtor/daily-news/2019/11/22/gen-z-may-value-ownership-more-than-millennials-do