“กินข้าวหรือยัง?” หลายครั้งที่เราได้ยินคํานี้ แล้วอาจจะตอบแบบผ่านๆ ไปที หรือไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นคําที่เราได้ยินเป็นปกติ
อาจจะด้วยหน้าที่การงาน ความรีบเร่ง ทําให้เราไม่ได้ใส่ใจ แต่เราอยากให้ลองคิดดีๆ ว่า บางครั้ง “กินข้าวหรือยัง?” อาจไม่ใช่คําถาม แต่เป็นคำที่แสดงความห่วงใย ให้เราหยุดพักจากงาน หรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วกินข้าวบ้าง
เพราะในวันที่เหนื่อยล้า ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นราคาแพง เนื้อนำเข้าดีๆ หรือว่าอาหารจากเชฟโรงแรมดังหรอก ที่ทำให้เราพริ้มใจและหายช้ำ อาจจะเป็นข้าวสวยหอมๆ โปะด้วยไข่เจียวร้อนๆ หน้าตาบ้านๆ ที่ยื่นมาจากคนที่เรารักและรักเรานี่แหละ ที่ทำให้วันที่หม่นเทา กลายเป็นวันที่น้ำตาไม่ได้ไหลออกมาเพราะความช้ำ แต่มันคือน้ำตาของความอิ่มใจในความรัก ผ่านจากอาหารทุกจานที่คนที่เรารัก ตั้งใจทำให้
หิวไหม? กินข้าวหรือยัง?
ทุกครั้งที่เราถามคนที่เรารักว่า “กินข้าวหรือยัง?” แน่นอนว่า เราคงคาดหวังให้เขาตอบกลับมาว่า “กินแล้ว” หรือถ้ายังไม่ได้กิน เราก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังให้เขาพักจากสิ่งที่ทํา เพื่อไปหาอะไรกิน เพราะหากเรารู้ว่า ถ้าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย เราก็คงไม่สบายใจที่เขาไม่ดูแลตัวเองให้ดี เพราะลึกๆ แล้ว เราก็อยากให้เขาใส่ใจการกินให้ดีขึ้น จะได้อยู่กับเราไปนานๆ
ในวันที่แย่มากๆ อาจจะเป็นวันที่เด็ก ม.6 สักคน สอบไม่ติดมหาวิทยาลัย อาจจะเป็นวันที่นักศึกษาปี 2 ติดเอฟวิชาบังคับ อาจจะเป็นวันที่นักศึกษาปริญญาโทสอบวิทยานิพนธ์ไม่ผ่าน อาจจะเป็นวันที่ธุรกิจเล็กๆ ที่ปลุกปั้นพังไม่เป็นท่า อาจจะเป็นวันที่เจ้านายไม่เข้าใจ งานหนักจนจะบ้า อาจจะเป็นวันที่ป่วยหนัก อาจจะเป็นวันที่คนรักเดินจากไป หรืออาจจะเป็นวันที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นแสงสว่างเลย
แน่นอน ในวันที่จ๋อยๆ แบบนี้ เป็นใครก็นั่งจม ติดเตียง ไม่ยอมกินอะไร ไม่ใช่เพราะไม่หิวนะ แต่มันไม่อยากลุกไปไหนจริงๆ แต่เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียว อาการซึมเซาแบบนี้มันแผ่ไปให้คนรอบตัวสัมผัสได้เสมอ แต่บางทีมนุษย์ข้างๆ ตัวคุณ ก็ไม่รู้จะช่วยแบ่งเบาอะไรให้คุณได้ยังไง นอกจากคำถามสั้นๆ ง่ายๆ ที่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่าง “หิวไหม? กินข้าวหรือยัง?”
คำว่า “หิวไหม? กินข้าวหรือยัง?” จึงไม่ใช่แค่ประโยคคำถามตามมารยาท แต่มันคือการ ‘บอกรัก’ ที่ไม่ต้องมีคำว่า ‘รัก’ ที่ความหมายของมัน อาจจะอธิบายถึงความสบายใจ ความห่วงใย และความปรารถนาดีทั้งหลายทั้งมวลได้ยิ่งใหญ่ และกว้างขวางกว่าคำว่ารักสั้นๆ พยางค์เดียวซะอีก
ใครบางคน อาจเป็นเหตุผลให้คุณกินอาหารคำต่อไป
อย่างที่บอกไป คำว่ารักที่ดูเป็นนามธรรมจับต้องยาก แถมต่างคนต่างมีนิยามของคำว่ารักที่ต่างกันออกไปอีก แต่หากให้จำลองความรัก ออกมาเป็นอะไรที่พอจะจับต้องได้ มันก็คงเป็นอาหารสักจานตรงหน้านั่นแหละ ที่รวมทุกองค์ประกอบความรักของใครสักคน เพื่อใครสักคน
ยิ่งนานวัน เรายิ่งมีตัวเลือกในการกินเพิ่มมากขึ้น เหตุผลในการกินของเรา จึงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กินเพื่อความสุข กินเพื่อผ่อนคลายความเครียด กินเพื่อบรรลุเป้าหมาย กินเพื่อเติมเต็มความฝันตัวเอง
การกินอาหารจากคนที่รักเรา จึงไม่ใช่แค่กินเพื่อให้เราอยู่รอด และมีแรงต่อสู้กับอะไรทั้งหลายทั้งปวงที่ประสบ เพราะในขณะเดียวกัน มันคือการเชื่อมั่นในความรักที่คนรอบตัวมีให้กัน ที่สำคัญคือ ในวันที่อ่อนแรงจะเดินต่อนั้น ใครบางคนอาจจะเป็นเหตุผลให้เรากินอาหารคำต่อไป เพื่อที่เราจะได้อยู่ เพื่อรัก ดูแล และเป็นพลังใจของกันและกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เท่าที่ชีวิตจะพาไปถึง เพราะความรักก็คือการมีกันและกันไม่ใช่หรือ ?
ต่อจากนี้ หากหิวขึ้นมา อยากให้ลองฉุกคิดว่า ไม่ใช่ว่าเราจะกินๆ อะไรเข้าไปก็ได้ ให้ท้องมันอิ่มก็พอ แต่อยากให้ทุกคน ลองตั้งคำถามดูว่า นอกจากกินเพื่ออยู่ อยู่เพื่อกินของอร่อยๆ ให้พริ้มใจ หรือกินเพื่ออรรถรสใดๆ ก็ตาม ที่สำคัญกว่านั้น นอกจากเพื่อความอิ่มของตัวคุณเองแล้ว คุณยังกินไปเพื่อใคร? เพื่อคนที่คุณรัก และอยากมีชีวิตอยู่กับเขาไปนานๆ ใช่หรือเปล่า?
นี่จึงไม่ใช่บทความเพื่อตัวคุณคนเดียว แต่เป็นบทความเพื่อคนที่คุณรัก และหากคนที่คุณรัก ยังไม่เห็นความสำคัญ และใส่ใจต่อการกินให้มากขึ้น คลิปนี้ อาจจะช่วยให้เขาเข้าใจเหตุผลในการกินอาหารคำต่อไปมากขึ้น
ไม่ใช่แค่เพียงคลิปนี้เท่านั้น ในมุมของ CP ก็มีความตั้งใจ ที่จะสนับสนุนให้ทุกคนหันมาใส่ใจการกินให้ดีขึ้น ให้ความใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบ จนถึงทุกขั้นตอนการผลิต จนได้อาหารทุกคำที่มีคุณภาพ ให้ทุกคนได้มีอาหารที่ดี ไว้ดูแลทั้งตัวเอง และดูแลคนที่รัก ให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ
สุดท้าย อยากถามทุกคนอีกครั้งว่า ตอนนี้หิวไหม ? แล้วกินข้าวหรือยัง ?
เป็นห่วงจริง ๆ นะ