เราเดินทางมาถึงยุคที่ไม่ว่าวงการไหนๆ ก็พยายามดึงเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดการใช้กระดาษกันหมดแล้ว
จากหนังสือเล่มที่ย้ายไปอยู่บน Kindle, ตัว Visa ออนไลน์สำหรับเดินทางข้ามประเทศในหลายซีกโลก, นามบัตรออนไลน์ที่ส่งให้กันได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว, ตั๋วคอนเสิร์ตแบบบาร์โค้ด หรือกระทั่งการใช้บัตรแบบฝังชิพเข้ามาช่วยลดปริมาณการถ่ายเอกสารลงได้
แต่คำถามก็คือทำไม๊ทำไมการทำธุรกรรมการเงินในไทยที่ควรจะง่าย สะดวก และรวดเร็ว เพื่อตอบรับกับการเคลื่อนไหวอันไวว่องของธุรกิจโลก กลับยังดำเนินอยู่บนกระดาษ ไปดูกันดีกว่าว่าถ้าหากเราสามารถยกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดมาอยู่บนออนไลน์ได้จริง จะมีผลดีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ลดความน่าเบื่อของการเตรียมเอกสาร
หลายครั้งหลายคราวที่อุตส่าห์ลางาน มานั่งเตรียมเอกสารเพื่อที่จะไปยื่นทำธุรกรรมกับทางธนาคารที่ติดต่อไว้ ทั้งทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ใบสูติบัตร สูจิบัตร มรณะบัตร อะไรก็ไม่รู้มากมาย แต่พอมาถึงจริงกลับพบว่าเจ้าเอกสารตัวดีที่มั่นใจว่าเอามาครบแล้ว กลับตกหล่น หลงลืมไว้ระหว่างการเตรียมเสียนี่ จะให้ขับรถกลับไปเอาก็เสียเวลาสองต่อ บัตรคิวก็กดไปแล้ว งานก็ลาไปแล้ว นี่ฉันมันคนซวย 2018 ใช่ไหม
ลดปริมาณการใช้กระดาษ
ไม่รู้ว่าธนาคารมีดีลพิเศษอะไรกับโครงการรับซื้อกระดาษหรือเปล่าถึงได้ชอบขอสำเนาเอกสารฉันมากมาย เรียกว่าหอบไปคนละแฟ้มสองแฟ้มเอามารวมๆ ชั่งกิโลขายก็เห็นจะได้หลายบาทอยู่ แหม ก็ไม่ได้ขี้งกเงินค่าถ่ายเอกสารอะไรหรอกนะ (เสียงสูง) แต่การช่วยกันคนละไม้ละมือประหยัดการใช้กระดาษ มันก็ดีต่อโลกมากกว่าใช่ไหมล่ะ
ลดค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น
การทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านกระดาษ นอกจากค่าใช้จ่ายในการถ่ายเอกสารแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มองไม่เห็น ที่หลายครั้งเรามักหลงลืมนำมาคำนวณด้วยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถ ค่าโดยสารในการเดินทาง ค่าอาหาร ค่ากาแฟ ค่าชานมไข่มุก ไปจนถึงค่าเสียเวลาตั้งแต่ขั้นตอนการถ่ายเอกสาร จนถึงการเดินทางมาเข้าคิวรอเพื่อจัดการธุระให้เสร็จในแต่ละครั้ง
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำธุรกรรมผ่านทางช่องทางออนไลน์จึงเป็นวิธีที่ดีกว่าต่อทุกฝ่าย ซึ่งในปัจจุบันนี้เองก็มี Start UP FINTECH จำนวนไม่น้อยที่เข้ามาตอบโจทย์การทำธุรกรรมการเงินในรูปแบบต่างๆ ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่าที่เคย โดยเฉพาะนวัตกรรมล่าสุดจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ต้องบอกว่ามาปฏิวัติวงการสินเชื่ออย่างแท้จริง
สินเชื่อ
แล้วทุกความน่าเบื่อของธุรกรรมการเงินบนกระดาษก็จบลง เมื่อ สินเชื่อ Krungsri iFIN มาถึง เพราะไม่ใช่แค่การยื่นกู้ แต่เจ้าสินเชื่อตัวนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ยื่นกู้สามารถทำรายการต่างๆ ด้วยตัวเองครบวงจรตั้งแต่ สมัคร จนกระทั่งรับเงินโอนสินเชื่อ ผ่านทางแอพลิเคชั่น KMA แอพเดียว ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่สมัคร ถ่ายภาพเอกสารต่างๆ อัพโหลดขึ้นระบบ และกรอกรายละเอียดส่วนตัวเพียงเท่านั้น ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องลางาน ถ่ายเอกสาร ไปเข้าคิวยื่นให้วุ่นวาย
ที่สำคัญดอกเบี้ยผ่านการทำธุรกรรมทางช่องทางนี้ยังถูกกว่าดอกเบี้ยปกติถึง 3% ตลอดอายุสัญญา ช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถกู้เงินไปต่อเติมฝันง่ายๆ ได้ด้วยปลายสองนิ้วของตัวเอง อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อ Krungsri iFIN ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครได้ที่ www.krungsri.com/bank/th/krungsri-ifin.html
