ไฮยีน, วิกซอล, วิซ, แดนซ์, โฟกัส, ไอวี่ เราเชื่อว่าที่บ้านของใครหลายคน จะต้องมีผลิตภัณฑ์ใดสักชิ้นที่คอยเป็นผู้ช่วยในการดูแลเรื่องต่างๆ เพื่อทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ง่าย และดีขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาคือสินค้ากลุ่ม FMCG หรือ Fast Moving Consumer Goods ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด หรือ ‘I.P. One’ บริษัทสัญชาติไทยที่เริ่มต้นคิดเพื่อคนไทย ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้แบรนด์ดังกล่าวด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ ‘มุ่งมั่น สร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่ออนาคตการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น’ (Innovate Passionately for the Future of Better Living)
จุดเริ่มต้นของสินค้าภายใต้ ไอ.พี. วัน ล้วนเกิดจากการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ใครจะคิดว่าคนไทยจะมีผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ วิกซอล โดยเป็นบริษัทแรกในเมืองไทย และในเอเซียที่ผลิตด้วยสูตรของตนเองที่ยังไม่มีใครทำมาก่อนมาตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว การสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กลายเป็นสินค้าระดับคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงง่าย เบื้องหลังความสำเร็จของ ไอ.พี. วัน ตลอดระยะเวลา 50 ปี คืออะไร?
The MATTER ชวน ‘ชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์’ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนกลยุทธ์ และ Commercial คุยถึงกลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่ทำให้ครองใจผู้บริโภคมาได้ตลอด 50 ปี รวมถึงวิธีปรับตัวเพื่อให้ ไอ.พี. วัน เป็นองค์กรที่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน
แม้เราจะรู้จักสินค้าภายใต้ ไอ.พี. วัน เป็นอย่างดี แต่อยากให้ช่วยอธิบายหน่อยว่ากว่าจะมาเป็นบริษัท ไอ.พี. วัน มีจุดเริ่มต้นความเป็นมาอย่างไร และอะไรคือแนวคิดสำคัญ
บริษัท ไอ.พี. วัน เป็นธุรกิจ FMCG หรือ Fast Moving Consumer Goods Company ที่หมายถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่มีการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันบริษัทเราเดินทางเข้าปีที่ 50 เราก่อตั้งปี 1972 โดยคุณอุทัย ธเนศวรกุล ซึ่งเป็นทั้ง CEO และ Founder คุณอุทัยเรียนด้านเคมีที่สหรัฐอเมริกา เขามีนิสัยที่ชอบทดลองและทำอะไรใหม่ๆ ก่อนใช้ความรู้ด้านเคมีมาคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ “วิกซอล” ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ ไอ.พี. วัน ได้ต่อยอดด้วยการคิดค้นสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภค ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลผ้า และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายตามมา
บริษัท ไอ.พี. วัน เราเติบโตและเดินทางเคียงคู่คนไทยมาอย่างยาวนาน มีสินค้าภายใต้บริษัททั้งในรูปแบบ Food กับ Non-food ปัจจุบันเรามีโรงงานของเราเอง 2 โรงงาน มีออฟฟิศอยู่ต่างประเทศทั้งเวียดนามและเมียนมาร์ มีพนักงานกว่า 1,300 คน มีสินค้าเกิน 400 SKUs อีกทั้งยังมีสินค้าภายใต้บริษัทจำนวน 3 แบรนด์ที่เราเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาด
สินค้าในเครือ ไอ.พี. วัน
ไอวี่ ผลิตภัณฑ์ในหมวดอาหาร นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม
ไฮยีน ผลิตภัณฑ์ในหมวดการดูแลเสื้อผ้า
วิกซอล ผลิตภัณฑ์ในหมวดทำความสะอาดห้องน้ำ
วิซ ผลิตภัณฑ์ในหมวดของการดูแลทำความสะอาดบ้าน มีทั้ง น้ำยาถูพื้น น้ำยาเช็ดกระจก
แดนซ์ และ โฟกัส ผลิตภัณฑ์ในหมวดการดูแลร่างกายประเภทน้ำหอม และโคโลญจน์
ไอ.พี. วัน เป็นบริษัทของคนไทยที่เติบโตมาอย่างยั่งยืนตลอด 50 ปี อะไรคือหัวใจที่องค์กรยึดถือในการทำงาน
ผมว่ามันมี 3 อย่างหลักๆ ที่เป็นหัวใจที่เรายึดถือ นั่นคือ Insightful, Innovation และ Integrity
Insightful หมายถึงการที่เราพยายามที่จะหา Insight หรือข้อมูลเชิงลึกให้ได้ ทั้งการหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า การสร้างความเข้าใจลูกค้า การเข้าใจตลาด โดยเราให้ความสำคัญกับข้อมูลมากๆ เช่น การใช้ข้อมูลมาวิจัย วิเคราะห์ เพื่อให้เราเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด
Innovation ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เรายังคงพยายามหาสินค้าใหม่ๆ นวัตกรรมที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ
Integrity หรือความซื่อสัตย์ เมื่อเราทราบ Insight ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และสามารถใช้ Innovation มาช่วยคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้แล้ว จงอย่าลืมว่าในสินค้าทุกชิ้นจะต้องมีคุณภาพที่ดี และเราต้องซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค คู่ค้า ลูกค้าของเรา
ดังนั้นทั้ง Insightful, Innovation และ Integrity จึงสอดคล้องกับคุณอุทัย CEO ได้วางแนวทางเอาไว้ ทุกสินค้าที่เราผลิตต้องมีคุณภาพที่ดี ต้องช่วยให้ชีวิตผู้บริโภคดีขึ้นครับ นี่คือสิ่งที่เรายึดถือมาตลอดระยะเวลา 50 ปี รวมถึงในอนาคตด้วย
อะไรคือความท้าทายของ ไอ.พี. วัน ตลอดเวลา 50 ปี
ผมมองว่าความท้าทายน่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันในกลุ่มอุตสาหกรรม FMCG ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย รวมถึงบริษัทที่เพิ่งเข้ามาที่เขาอาจจะมีไอเดียเจ๋งๆ ใหม่ๆ หรือมีมุมมองใหม่ๆ การที่ต้องแข่งขันตลอดเวลานั่นคือความท้าทาย
ยิ่งปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนเร็ว ผู้บริโภคมีความต้องการหรือมีพฤติกรรมที่ไปตามยุคสมัย รวมถึงสถานการณ์ด้านโรคระบาดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เราต้องเจอ Challenge อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราเองก็พยายามจะปรับตัวและรับมือกับมันให้ได้ทุกสถานการณ์
ในช่วงที่ผ่านมา อย่างสถานการณ์โรคระบาด มีวิธีการยังไงที่ทำให้ ไอ.พี. วัน ผ่านมาได้อย่างยั่งยืน
อย่างแรกคือเรื่องคน ด้วยการที่องค์กรเรามีพนักงานที่ตั้งใจทำงาน ที่ความยืดหยุ่นเราสามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที ทำให้เรายังสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปถึงมือผู้บริโภคได้
อย่างที่สองคือเราอาจจะโชคดีด้วยที่สินค้าเราหลายๆ อย่าง มันสอดคล้องไปกับสถานการณ์ที่คนใส่ใจเรื่องความสะอาด รวมถึงเรื่องสุขภาพมากขึ้น เช่น วิกซอล ใช้ฆ่าเชื้อ และทำความสะอาดในห้องน้ำ ไฮยีน ผลิตภัณฑ์ดูแลผ้าให้สะอาด หรือ ไอวี่ ซึ่งเป็นนมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่มีวิตามินซีสูง ทำให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งหมดนี้ช่วยให้เราสามารถผ่านช่วงวิกฤตไปได้อย่างดี
สิ่งที่ภูมิใจที่สุดของ ไอ.พี. วัน ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมาคืออะไร
อย่างแรกคือกลับมาเรื่องคนเหมือนเดิม ตลอดระยะ 50 ปีที่ผ่านมา ถ้าไปย้อนดูเส้นทางเริ่มต้นเรามีพนักงานคนแรกคือคุณอุทัย ธเนศวรกุล จนถึง ณ วันนี้ เรามีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,300 คนแล้ว ผมมองว่าสิ่งสำคัญที่เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะพนักงานทุกตำแหน่งที่ซัพพอร์ตกัน ต้องขอบคุณพนักงาน ไอ.พี. วัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ทุกความทุ่มเท ความตั้งใจ จึงทำให้เรามีวันนี้ได้ และเราก็ภูมิใจที่ช่วยสร้างความก้าวหน้า ความมั่นคงในอาชีพ ความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานของเราทุกคน
นอกจากนี้สิ่งที่เราภูมิใจอีกอย่างหนึ่งคือในตลาด FMCG แบรนด์ของเราอย่าง ไฮยีน กลายเป็นแบรนด์ผู้นำในตลาด และยังได้รับรางวัล ‘Kantar Brand Footprint Award 2022 Thailand’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในฐานะแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อมากที่สุด (The Most Chosen Brand) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน
จากจุดแข็งที่ภูมิใจ อยากให้แชร์ประสบการณ์จากความผิดพลาดที่ใช้เป็นบทเรียน เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด FMCG ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
ผมว่าหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เราประสบความสำเร็จคือเรื่อง Innovation ที่เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ ปี เรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเสมอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ
ยกตัวอย่างเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในตลาดของผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม มีสินค้า 2 รูปแบบนั่นคือสูตรธรรมดาและสูตรเข้มข้น
ต้องบอกก่อนว่าเราทำได้ดีในสูตรธรรมดา แต่เราเล็งเห็นถึงเทรนด์ของผู้บริโภคที่หันไปใช้ในสูตรเข้มข้นมากขึ้น เราจึงวิเคราะห์เพื่อปรับสูตรผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มของเราในสูตรเข้มข้นออกมา ภายใต้ที่ชื่อว่า “ไฮยีน แม็กซ์” แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เราจึงกลับมาคิดต่อว่าความผิดพลาดอยู่ตรงไหน ผ่านกระบวนการทำ Consumer Research ในที่สุดเราก็เรียนรู้ว่าเราไม่ได้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในการใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นอย่างแท้จริง รวมถึงเรื่องการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ก็ยังไม่ลงตัว เราจึงได้นำประสบการณ์เหล่านั้นมาศึกษาแก้ไข และกลับมาอีกครั้งภายใต้ “ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์” จนตอนนี้เรากลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด
“ไอ.พี. วัน เรามองความล้มเหลวว่าเป็นช่องทางในการเรียนรู้ เราต้องมี Integrity หรือความซื่อสัตย์ ไม่ใช่แค่สำหรับคนอื่น ไม่ใช่กับแค่ผู้บริโภค แต่ก็ต้องมีกับตัวเองด้วย เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยว่าทำไมเราผิดพลาด เราอาจจะมองตลาดผิด วิเคราะห์ผิด หรือคำนวณผิดหรืออะไรก็ตาม ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า”
นอกจาก ไอ.พี. วัน จะมีค่านิยมองค์กรในเรื่อง Insightful, Innovation และการเข้าใจผู้บริโภคแล้ว ทราบมาว่าได้มีการทำ Platform เพื่อฟังเสียจากผู้บริโภคอย่างแท้จริง สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรบ้าง
สำหรับการก้าวสู่ปีที่ 50 เราจะยกระดับนวัตกรรม เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ผ่านการแก้ไขปัญหาที่สร้าง ผลกระทบในวงกว้างระดับประเทศ หรือระดับโลก เราจึงริเริ่มโครงการ I.P. Life Lab ซึ่งถือเป็นครั้งแรกขององค์กรเอกชน ที่ทำหน้าที่เสมือนตัวกลางในการรับฟังปัญหาต่างๆ โดยเริ่มสร้าง ‘แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมปัญหาจริงของผู้บริโภคมาผ่านกระบวนการคิดจริง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนานวัตกรรม เพื่อค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาและลงมือทำจริง’ ด้วยการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขได้ถูกจุด หวังช่วยให้คนในสังคมไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งปัญหาที่ หลายๆ คนแชร์กันมาปัญหาส่วนใหญ่กว่า 80% คือปัญหาในเรื่องของขยะ
ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ หากทุกคนร่วมมือกันทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งเราจะเน้นหลักการในการแก้ปัญหา และช่วยให้โลกของเรามีความยั่งยืนได้อยู่ 3 เรื่องผ่านโครงการ Waste to Wonderful ได้แก่
Reduce: ลดการใช้ขยะพลาสติก จากความพยายามต่อเดือนเราสามารถลดขยะพลาสติกได้มากถึง 400,000 kg นอกจากนั้นเรายังมีโครงการตู้ Hygiene Refill Station ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีโครงการในลักษณะนี้ ซึ่งผลลัพธ์พบว่าหลังจากเราเปิดตัวตู้ไป เราสามารถลดการใช้ซองพลาสติกกว่า 15,470 ซอง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ไปมากถึง 798 kg เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ถึง 81 ต้น ซึ่งในปีนี้เราจะขยายโครงการนี้ไป ในหลายๆ พื้นที่มากยิ่งขึ้น
Recycle: ปลุกชีวิตของที่ใช้แล้วให้กลับมาใช้ใหม่ นั่นคือ เปลี่ยนกล่องโยเกิร์ตพร้อมดื่ม IVY เป็น Ivy Plant Pot กระถางต้นไม้รดน้ำ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าว คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าการปลูกต้นสัก ในพื้นที่เหมาะสมเกือบ 170,000 ต้น ต่อปี นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนสภาพของขยะให้มีคุณค่า เรายังส่งเสริมในการปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ให้ดีขึ้น
Upcycle: ชุบชีวิตขยะด้วยดีไซน์และนวัตกรรม โดยเรานำสินค้าอย่างซองบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว มาทำเป็นกระเป๋า ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ขยะ จนกลายเป็น Hygiene Upcycling bag
นอกจากนี้ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วม ‘เปลี่ยนเสียงบอกเป็นเสียงบวก’ เพื่อโลกและอนาคตที่ดีกว่าของเราทุกคน ด้วยการแชร์ปัญหาผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://ip-one.com/iplifelab/ หรือ Facebook: https://www.facebook.com/IPLifeLab เพื่อสร้างอนาคตการใช้ชีวิตที่ดีและยั่งยืนไปด้วยกัน
อยากให้ยกตัวอย่างว่าตลอด 50 ปี ไอ.พี. วัน มี ‘นวัตกรรมเปลี่ยนชีวิตสู่อนาคต’ อย่างไรบ้าง
ขอยกตัวอย่าง “วิกซอล” เราสร้างนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มี ไอ.พี. วัน สมัยก่อนเป็นส้วมซึม พื้นก็ไม่ได้ปูกระเบื้องสวยงามแบบสมัยนี้ แล้วสกปรกมาก คิดว่าคนไทยน่าจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้อย่างน้อยที่สุด ห้องปลดทุกข์ ก็ควรจะปลดเปลื้องความทุกข์ได้จริงๆ ไม่ใช่อมทุกข์กับกลิ่นเหม็น เราผสมสูตรน้ำยาล้างห้องน้ำเอง ทดลองมาหลายสูตร พยายามจนมาได้สูตรที่มีกรดไฮโดรคลอริกที่มีประสิทธิภาพมากๆ ถือเป็นสูตรแรกของเมืองไทย เห็นผลชัดเจน พอเทแล้วเห็นกับตาชัดๆ เลยว่าคราบหลุด กลิ่นเหม็นหาย ตอนนั้นได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคดีมากๆ ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจของบริษัท ไอ.พี.วัน ที่นำ Insight มาพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง
เราเป็นบริษัทแรกใน Southeast Asia ที่ผลิตผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มแบรนด์ ไฮยีน ที่คิดสูตรเอง โดยปกติผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มมีสารเคมีจำนวนมาก หากสารเคมีไหลลงท่อเข้าสู่ธรรมชาติในน้ำทะเล ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ ประมาณ 20 ปีที่แล้ว เราเป็นเจ้าแรกที่เปลี่ยนเป็นสูตรที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติได้ หรือ ไบโอดีเกรดเอเบิล เพื่อลดมลพิษ ในธรรมชาติและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นสิ่งที่เราคิดว่าเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตสู่อนาคต เจ้าแรกในประเทศไทย คือในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ผู้บริโภคไม่สามารถเดินทางไปไหน บางคนก็อาจจะคิดถึงชีวิตที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เราจึงมีแนวคิดเรื่อง Experiential Marketing หรือการตลาดในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค โดยเป้าหมายคือการทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้รับประสบการณ์ใหม่ ตัวอย่าง เช่น เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ เบสท์ ออริจินส์ ที่สุดของกลิ่นหอมให้ทุกการสวมใส่ คือประสบการณ์ความหอมที่ดีที่สุดจาก 2 กลิ่นหอมหายาก จากแหล่งต้นกำเนิด คัดสรรและสกัดอย่างพิถีพิถันในช่วงเวลาที่ดอกไม้บานเต็มที่ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมเข้มข้น กลิ่น เอเดลไวส์ ดอกเอเดลไวส์ ราชินีดอกไม้เสมือนยกภูเขาแอลป์มาไว้ที่บ้าน กลิ่น วิสทีเรีย ดอกวิสทีเรีย ในเมืองโทจิงิ ประเทศญี่ปุ่น มีอายุยาวนานกว่า 150 ปี เก่าแก่ที่สุดในโลก ทั้ง 2 กลิ่น มอบประสบการณ์ความหอมยาวนานที่ดีที่สุด
อีกทั้งไม่ได้มีเพียงแค่กลิ่นดอกไม้หอมสดชื่น ครั้งแรกในประเทศไทย เราเป็นแบรนด์แรก แบรนด์เดียว ที่นำเสนอประสบการณ์ความหอมที่แตกต่าง ผ่านกลิ่นหอมหวาน สดชื่น ของขนมและดอกไม้ มาอยู่ในผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น ไฮยีน ดิลีเชียส ซีรีส์ 2 กลิ่นใหม่ เรียกได้ว่าฉีกกฏผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มที่มีขายอยู่ในตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ความหอมแบบใหม่ ที่ผสานนวัตกรรมกลิ่นหอมจากขนมฝรั่งเศสผสานความสดชื่นของดอกไม้ โดยมี 2 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นซัมเมอร์มาการอง และ สปริงคัพเค้ก ให้ผู้บริโภคได้สนุกกับประสบการณ์ใหม่ “ความหอมหวานที่สวมใส่ได้”
มากกว่านั้นนมเปรี้ยว ไอวี่ เรานำเสนอรสชาติผลไม้พรีเมี่ยมนำเข้าอย่าง พีชสไตล์ญี่ปุ่น, กีวีจากนิวซีแลนด์ และทับทิมจากยุโรป ที่น่าสนใจคือ กำลังจะมีรสชาติขนม คือ กลิ่นมิกซ์เบอร์รี่ ชีสเค้ก และกลิ่นเครปเค้ก ส้ม ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ไอ.พี.วัน เป็นผู้นำตลาด เป็นเจ้าแรกที่กล้าใช้นวัตกรรม สร้างประสบกาณ์ ความแปลกใหม่อยู่เสมอ ให้สอดคล้องกับยุคสมัย และพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน
เวลา ไอ.พี. วัน จะพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นต้องทุ่มเทกายใจหรือทำการบ้านอย่างไรบ้าง
มีหลายกระบวนการมาก กลับมาเรื่องเดิมคือเรื่องคนเราโชคดีมากที่เรามีพนักงานที่เชี่ยวชาญและเก่งในหลายๆ ด้าน มีทั้งทีม R&D ที่สามารถคิดค้นสูตรใหม่ๆ ซึ่งมันต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงเราต้องคิดด้วยว่าสิ่งที่คิดมันตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการหรือเปล่า ดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า ใช้เทคโนโลยีอะไร ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงเร็ว ยิ่งมีความท้าทายมากครับ
นอกจากนั้นเรามีทีมการตลาดที่ดูแลและทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร สามารถทำให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงสินค้าของเราได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงทีมฝ่ายขาย ที่ทำให้สินค้าเราเข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆ ช่องทางการขาย, ทีม Corporate Services, ทีมฝ่ายผลิต, ทีม R&D, ทีมโรงงาน, ฝ่ายต่างประเทศ ทุกภาคส่วนมีความสำคัญกับองค์กรทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเติบโตมาได้อย่างยั่งยืนครับ
ในอนาคต อีก 5 ปีข้างหน้า มีกลยุทธ์อะไรที่จะทำให้ ไอ.พี. วัน ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
เป้าหมายของเราในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะต้องมียอดขายเกิน 10,000 ล้าน และเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งการที่เราจะไปถึงเป้าหมายนั่นอย่างแรกคือ เราก็ต้องกระจายการเติบโต สร้างความแข็งแรงในทุกผลิตภัณฑ์ของ ไอ.พี. วัน ทั้ง ไฮยีน ที่เป็นผู้นำในตลาดอยู่แล้ว รวมไปถึง วิกซอล ไอวี่ สินค้าใหม่ และธุรกิจใหม่ของเราในอนาคต
การขยายการเติบโตไปในตลาดต่างประเทศก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ เพื่อให้สินค้าคุณภาพของ ไอ.พี. วัน ซึ่งเป็นสินค้าที่คนไทยผลิตเองส่งไปถึงมือผู้บริโภคในทุกๆ ประเทศ ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันเราส่งออกสินค้าไปเกิน 10 ประเทศแล้ว แต่ในอนาคตเรามีแพลนที่จะขยายเพิ่มมากขึ้น
ท้ายที่สุด คือ สินค้าของ ไอ.พี.วัน ต้องมีคุณภาพที่ดี ช่วยให้ชีวิตผู้บริโภคดีขึ้น และเราอยากจะมั่นใจว่าเราจะเติบโตอย่างยั่งยืน ช่วยสังคม สิ่งแวดล้อม และโลกได้ นี่คือเป้าหมายของเราทั้งปัจจุบัน และอนาคต