ว่ากันว่าคนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง
ไอ้ความเด็กที่ว่าไม่ได้หมายถึงชั้นผิวที่ลงทุนโบหน้าหรือโด๊ปคอลลาเจนอะไรทั้งนั้น แต่หมายถึงความเด็กในนิสัย ถึงตอนอยู่ข้างนอกจะมีมาดจริงจังน่าเชื่อถือแค่ไหน สุดท้ายเมื่ออยู่กับคนที่เรารักก็มักจะเผลอตกร่องปล่อยตัวตามความเคยชิน ด้วยเหตุนี้เอง บางครั้งเราจึงหลงลืม ละเลย เผลอไผลทำนิสัยเอาแต่ใจกับอีกฝ่าย ตั้งป้อมความคาดหวังแล้วผลักไสหน้าที่ให้อีกคนต้องคอยตอบสนอง เหมือนเด็กที่ยังไม่เคยเรียนรู้เรื่องการให้และการรับ ทำให้ในความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะดีกลับซุกซ่อนรอยร้าวที่มองไม่เห็น
อย่ากระนั้นเลย ในช่วงที่เราต้องตั้งรับกับโควิด -19 นี้ ทำให้เราต้องปรับวิถีชีวิต ต้องอยู่กับบ้านมากขึ้น ตามตำราว่าด้วยวิชาสายสัมพันธ์ศาสตร์ นี่คือโอกาสอันดีที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกันฝึกคาถามหาเสน่ห์…โดยไม่ต้องพึ่งน้ำมันพรายให้พื้นบ้านลื่น อาศัยแค่เคล็ดวิชา “ภูมิคุ้มใจ” เอามุมมองเขามาใส่ใจของเรา ทำความเข้าใจในตัวคนรักของเราให้มากขึ้นผ่านเทคนิคง่ายๆ เพื่อค้นหาและซ่อมแซมรอยร้าว ประสานสองใจให้มีแต่ความเข้าอกเข้าใจสู่สายสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
คาถาที่ 1 :
โกธํ กนฺดยฺ มยฺเป็นรยฺ – โกรธก็ได้ ไม่เป็นไร
คนเราจะรักกันได้ แน่นอนว่าต้องมีทัศนคติ มุมมอง ความชอบที่สอดคล้องกัน ขนาดแฝดบางคู่ยังชอบกางเกงชั้นในคนละสี คนสองคนต่างที่มา ต่างพื้นเพจะให้ราบรื่นเหมือนพื้นขัดเงาเสมอไปก็คงจะแปลกน่าดู ปัญหาก็คือยามเมื่อเกิดความไม่เข้าใจ ความโกรธในตัวอีกฝ่าย บางคู่เลือกที่จะทะเลาะเป็นเรื่องใหญ่โต ขณะที่บางคู่ก็เลือกจะข่มกลืนความโกรธ แล้วสะกดจิตตัวเองว่าคนรักกันไม่ควรต้องโกรธกัน ทว่าในความเป็นจริงแล้วความโกรธเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญเอามากๆ เราโกรธได้ และควรโกรธเมื่อรู้สึกโกรธ
เพียงแต่เราควรจัดการความโกรธนั้นอย่างมีสติ สังเกตตัวเองยามโกรธ หายใจเข้าออกลึกๆ อย่าไปต่อต้านความโกรธหรือบังคับตัวเองไม่ให้โกรธ เพราะลูกโป่งยิ่งสูบลมเข้าไปสะสมไว้เรื่อยๆ วันหนึ่งก็ย่อมมีวันแตก ถ้ายังไม่หายก็เลี่ยงไปใช้กิจกรรมอื่นๆ มาดึงความสนใจแทนแล้วค่อยจัดการเรื่องราวเมื่ออารมณ์เย็นลงในภายหลัง เมื่อเรารู้เท่าทันและจัดการกับความโกรธได้ คราวหลังเวลาแฟนเผลอทำตลับ Urban Decay คอลเลคชั่นใหม่ตกพื้นแตกจะได้ไม่ลืมตัวเปิดวอร์ขุดเรื่องเก่ามาผสมจนมองหน้ากันไม่ติด
คาถาที่ 2 :
ชยฺหัวจยฺรบฺฟํ กนฺ – ใช้หัวใจรับฟังกัน
หมดยุคจำเลยรักหรือสวรรค์เบี่ยงที่คู่รักต้องเข้าใจผิดเพราะไม่รับฟัง ไม่พยายามเข้าใจอีกฝ่ายแล้ว ลองคิดดูซิ ว่าถ้าคุณยังอ่านกระทู้พันทิปได้เป็นหน้า ฟังรายการเมาท์ดาราได้แบบไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ทำไมเวลาคนที่คุณรักพูดหรือพยายามสื่อสารกลับไม่สามารถอดทนทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว หนึ่งในเทคนิคสำคัญที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ก็คือการรับฟังความรู้สึกของอีกฝ่าย ผ่านหู ตา และใจนี่เอง
ขั้นแรกเก็บตัวตนนักโต้วาทีเวทีเหรียญทองไว้ในห้องเสียก่อนเถิดยามที่คนรักพูด ใช้หูรับฟังอย่างถี่ถ้วน อย่าเพิ่งแทรก ตีโต้ หรือตัดสิน ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมใช้ตามองสำรวจอาการท่าทีของอีกคนขณะพูดไปด้วย ถึงสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมาสุดท้ายถ้าใจยังไม่พร้อมรับฟัง ก็อย่าหาทำ ควรขอเวลานอกไปควบคุมอารมณ์ให้ไม่เดือด หงุดหงิด หรือสับสนวุ่นวายเสียก่อน ที่สำคัญอย่าเพิ่งพร้อมใจเชื่อคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เมื่อจริงๆ แล้วเขาไม่ได้หมายความตามนั้นเลย ในท้ายที่สุดเมื่อคุณพร้อมที่จะใช้หัวใจรับฟังหัวใจของอีกฝ่ายแล้ว เมื่อนั้นคุณจะเข้าใจถึงสิ่งที่คนรักของคุณต้องการสื่ออย่างถ่องแท้ ระฆังดีไม่ตีก็ดัง ถ้าคนรักพูดแล้วไม่รู้จักรับฟังอันนี้สมควรโดนตี
คาถาที่ 3:
แฮพพิเนส ทมฺแมชชีน – ย้อนเวลาหาความสุข
หลายคู่พออยู่ด้วยกันนานไปความรักก็พลันจืดชืดเย็นชา เหมือนที่สำนวนว่ายามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามนี้กินน้ำตาลจนต้องฉีดอินซูลินตามยังไม่รู้สึกอะไร ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่เพราะว่าไม่รักกันแล้ว แต่เป็นเพราะความเคยชินที่ซ้ำซากจำเจกับสิ่งเดิมๆ จนหลงลืมความสุขยามคบกันใหม่ๆ คาถาบทนี้ จึงมีขึ้นเพื่อให้เราได้ทบทวนตัวเอง ‘เราลืมไปหรือเปล่า ว่ารักเขาเพราะอะไร’
อาศัยช่วงเวลาก่อนนอนเพียงไม่กี่นาที ลองนึกย้อนถึงที่ผ่านมาจนถึงในแต่ละวัน ว่าคนที่เรารักทำอะไรให้เราบ้าง อาจบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นเก็บเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความใส่ใจ การดูแล เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อีกคนทำให้โดยไม่เคยต้องร้องขอ รวมถึงรู้จักที่จะพูดขอบคุณ และขอโทษ ในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ หรือตัวเองได้ทำผิดต่ออีกฝ่าย เพื่อให้คนรักรู้ว่าฉันยังแคร์เธอเสมอ สิ่งเล็กๆ เหล่านี้นี่แหละที่ทำหน้าที่เสมือนพวงเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว ถ้ารักไม่แซ่บเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร สาดพริกปรุงใหม่เดี๋ยวดีเอง
คาถาที่ 4:
ฮกฺด้วยภาษารกฺ – โอบกอดด้วยภาษารัก
เพราะบางเพลงรักก็ไม่ได้เขียนให้มีคำว่ารัก การแสดงออกถึงความรักจึงไม่ใช่แค่การโอบกอด หรือบอกรักกันเสมอไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จะเปิดแมสก์ปิดหน้าทียังกลัวจะพาพี่โควิด-19 กลับบ้านไปด้วย ถึงจะหวานระยะประชิดไม่ได้ แต่เรายังคงแสดงออกถึงความรักผ่านการดูแล ห่วงใย ให้กำลังใจกันได้อยู่เสมอ ลองสังเกตตัวเองดู ว่ามักจะแสดงความรักต่อคนอื่น หรือชื่นชอบยามคนรักทรีตเราอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อชานมไข่มุกเจ้าโปรดมาฝาก หรือคอยดูแลยามที่ป่วยไข้ มนุษย์สายซึนบางคนอาจไม่บอกไม่กล่าวตรงๆ แต่หากเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าการบ่น หรือการกระทำของอีกฝ่ายล้วนแฝงไปด้วยความรัก ความเป็นห่วงอยู่ในนั้น
สำหรับบางคนที่อาจติดนิสัยสกินชิป ชอบกอด ชอบจับมือ ชอบวอแวอยู่ใกล้ๆ เสมอ ก็ควรมีการพูดคุยกันให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้คนรักต้องน้อยใจ แม้ในช่วงนี้อาจไม่สามารถสัมผัสกันได้เหมือนก่อน แต่ก็ชดเชยให้ได้ด้วยการแสดงความรักในวิธีอื่น ไม่ว่าจะเป็นการดูซีรีส์ด้วยกัน เล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน หรือซื้อดอกไม้ส่งไปให้ นั่นแหละ ถ้าใจเรารัก ฮักก็เป็นแค่ซูเปอร์ฮีโร่
คาถาที่ 5:
ฟํ ด้วยรกฺ ทกฺด้วยจยฺ – ฟังด้วยรัก ทักด้วยใจ
หงุดหงิดใช่ไหมเวลาปรึกษาคนรักว่าจะซื้อกระเป๋าสีไหนดี แล้วอีกฝ่ายตอบว่าใบไหนก็เหมือนๆ กัน ฮัลโหล Brighton Blue กับ Orange Poppy เหมือนกันตรงไหน? ตอบ! หรือบางคราวก็อดจะน้อยใจไม่ได้ เวลาอยากจะปรึกษาเรื่องเครียดในที่ทำงาน แต่อีกคนก็เอาแต่ตีป้อมไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเท่าตามด ไปยันเรื่องใหญ่เรื่องโต การที่คนหนึ่งไม่สนใจที่จะรับฟังและคอยให้คำแนะนำในฐานะคู่ชีวิตแล้วล่ะก็ ก็เหมือนลูกบอลยางที่ถูกเข็มเจาะทีละนิด สะสมมากเข้าก็มีวันแฟบ
การรับฟังคนที่เรารักด้วยใจนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ทั้งยังสามารถฝึกได้ไม่ยาก โดยอาจเริ่มลองจากเพื่อน หรือคนรอบตัว ลองโทรไปหาใครสักคน เปิดบทสนทนาง่ายๆ ฝึกตนเองให้ลองรับฟังอีกฝ่ายด้วยใจ ไม่ตัดสิน ไม่พูดแทรก ไม่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แต่ให้คำปรึกษาโดยยึดเอาอีกฝ่ายเป็นหลัก เมื่อจบการสนทนาแล้ว จึงค่อยมานั่งสังเกตตัวเอง ว่ามีข้อบกพร่องเรื่องการฟัง หรือการให้คำแนะนำตรงไหน อย่าลืมว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งแค่ไหน แต่การที่คนรักไว้ใจนำมาปรึกษาเรา ก็เพราะเราเป็นคนที่อีกฝ่ายรักและไว้ใจที่สุดนั่นเอง
คาถาที่ 6:
สนทนา ฉบบฺ ครอบครัว – สนทนาประสาครอบครัว
หลายครั้งที่เราเผลอทำอะไรบางอย่างที่ล้ำเส้นหรือทำร้ายความรู้สึกคนในครอบครัวไปเสียสนิท เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมจนเผลอลืมระวัง หรือความเคยชิน คิดว่ารู้ความต้องการของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้ โดยที่ความจริงแล้วกลับตรงข้ามกับความรู้สึกในใจของอีกคนไปโดยสิ้นเชิง การตั้งวงที่ไม่ใช่เพื่อจั่วไพ่ภายในครอบครัว จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้
ในวันที่อากาศดี คงจะดีถ้าทุกคนในบ้านได้มาล้อมวงกัน เพื่อแชร์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนว่าแต่ละคนอยากให้สมาชิกในครอบครัวทำตัวยังไงด้วย ห้ามเคาะห้องลูกคนเล็กหลังสามทุ่มไหมเพราะต้องไฝว้ศึก ROV กับเพื่อน หรือห้องใครเปิดแอร์ทั้งวันต้องช่วยค่าไฟแม่ด้วย กระทั่งถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา เจ้าตัวอยากให้คนอื่นๆ ในบ้านดูแลตลอดจนใช้คำพูดกับเขายังไง ให้ไม่เกิดความรู้สึกไม่ดี การพูดคุยเปิดอกเปิดใจกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ จะช่วยลดปัญหาจากการคิดเองเออเองระหว่างคนในครอบครัวได้ดีที่สุด
คาถาที่ 7:
จดฺบ้าน จดฺจยฺ ปยฺด้วยกนฺ – จัดบ้าน จัดใจ ไปด้วยกัน
เชื่อว่าหลายคนที่เคยได้ยินวิธีจัดบ้านแบบ ‘คนมาริ’ จากคุณคนโดะ มาริโอะ นักจัดบ้านอันดับหนึ่งแห่งญี่ปุ่น เป็นต้องเคยอยากลุกขึ้นมาสวมวิญญาณแม่บ้านกวาดของไม่จำเป็นลงถุงดำกันทั้งนั้น ติดที่ผัดวันประกันพรุ่ง ไอ้ของที่ว่าจะทิ้งนอกจากแฟนเก่าแล้วก็ยังตั้งอยู่ตรงนั้นไม่เขยื้อนไปไหน แถมของใหม่ที่ช้อปออนไลน์ยังกองสุมเป็นภูเขาคิลิมันจาโร ถ้าไฟนั้นยังพอจะเหลือเชื้ออยู่บ้าง ช่วงเวลาแบบนี้นี่แหละที่คุณจะได้ลุกขึ้นมาจับจูงคนรักจัดบ้านใหม่ เคลียร์ใจให้โล่งไปด้วยกัน
หลักการการจัดบ้านนั้นง่ายมาก เริ่มจากของที่จัดง่ายอย่างเสื้อผ้า หรือหนังสือ เอาทุกอย่างในหมวดนั้นมากองรวมกัน เพื่อให้เห็นภาพรวม จากนั้นจึงค่อยถามตัวเองว่าเรารู้สึกต่อของชิ้นนั้นอย่างไร สำหรับของที่เลือกจะทิ้ง อย่าลืมที่จะขอบคุณการได้ทำหน้าที่อย่างดีจนถึงที่สุด ส่วนของที่เลือกจะเก็บไว้ ก็ต้องจัดการหมวดหมู่ให้ดี สะดวกต่อการหยิบใช้ การจัดบ้านเผินๆ เหมือนเป็นการจัดการสิ่งของแค่ภายนอก แต่ในทุกขณะที่เราได้หยิบสิ่งของต่างๆ ในอดีตขึ้นมาพิจารณา ช่วยให้เราได้สำรวจและจัดการภายในใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน หวังว่าจัดการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วจะไม่เผลอทิ้งแฟนลงถุงดำไปด้วยนะ
คาถาที่ 8:
ยอมรบฺความเห็นที่ต่างกนฺ – ยอมรับความเห็นต่าง
คนเราร้อยพ่อพันแม่ถูกเลี้ยงดู หล่อหลอมมาต่างกรรมต่างวาระ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความเห็นเหมือนกันไปเสียทุกเรื่องเหมือนสั่งทำจากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกันแค่ไหน หรือกระทั่งเป็นคนรักที่คบหาดูใจจนเลยปีอาถรรพ์ ก็ยังต้องมีความเห็นแย้งกันบ้าง อย่างน้อยก็เรื่องสองเรื่อง การมีความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องแปลก ทั้งยังไม่ใช่เรื่องไม่ดี ตั้งคำถามว่าถ้าผัดกะเพราใส่ข้าวโพดอ่อนจะกลายเป็นจำเลยของเมนูนี้หรือไม่ คนก็มีความเห็นแตกต่างกันไปเป็นร้อยพัน
เราสามารถเห็นแย้งได้ แต่ก็ควรฝึกตัวเองให้ยอมรับความเห็นต่าง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่นักเลงคีย์บอร์ดไม่เคยปราณีใครทั้งสิ้น ยามเห็นโพสต์ที่ไม่ถูกจริตในโซเชียลมีเดีย อย่าเพิ่งเปิดหน้าไฝว้ สูดลมหายใจให้ลึกแล้วลองคิดดีๆ ว่าเรามาอ่านสิ่งนี้เพราะอะไร คิดวิเคราะห์ไปถึงว่าทำไมคนโพสต์ถึงมีความคิดเห็นแบบนี้ อย่างน้อยแม้ความคิดเห็นนั้นจะไม่ตรงใจเรา แต่ก็ยังได้เรียนรู้ว่าแต่ละคนก็มีสาเหตุให้มีความคิดที่แตกต่างกันไป เมื่อยอมรับในจุดนี้ได้ ถึงบางหม้อทอดจะไม่ไร้น้ำมันแต่อย่างน้อยเราก็ไร้น้ำตา
เพราะไม่รู้ว่าระหว่างแฟนกับโควิด-19 คนจะติดอะไรก่อนกัน ช่วงเวลาที่สถานการณ์โรคระบาดทำให้ใจคนหม่นหมอง ห่อเหี่ยว ทำความรักของคนบางคู่จืดชืดเป็นเกี๊ยวน้ำลืมปรุงแบบนี้ การฝึกตามขั้นตอนของคาถามหาเสน่ห์ ร่ายภูมิคุ้มใจไม่ให้คลายรักนี้บ่อยๆ ก็สามารถช่วยทะนุถนอมความสัมพันธ์ของคู่รักให้มั่นคงยืนยาวได้
ไม่เพียงเท่านี้ “ความสุขประเทศไทย” ยังมีคู่มือสร้างภูมิคุ้มใจฉบับอื่นๆ ให้เราได้ใช้เป็นแนวทางดูแลใจของตัวเองและคนรอบข้างได้อยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเข้าใจในช่วงที่เราต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 นี้ไปอีกนาน ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ http://www.happinessisthailand.com