ลมเย็นของฤดูหนาวแม้จะยังมาไม่ถึง แต่ฤดูกาลของภาษีมาถึงตามนัดแบบไม่ต้องรอ เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาของการรวมรวมติดตามเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะเอกสารสำหรับการลดหย่อนภาษี จะดีกว่านี้ไหมถ้าการบริจาคเงินเพื่อทำบุญแต่ละครั้ง ข้อมูลการบริจาคสามารถส่งตรงถึงกรมสรรพากรได้ทันที ไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสาร
การบริจาคแบบออนไลน์จึงก้าวเข้ามามีบทบาทเพื่อแก้ไขในสิ่งที่การบริจาคแบบออฟไลน์ให้ไม่ได้ นั่นคือความสะดวกสบายจากระบบที่จัดการทุกเรื่องให้กับเราทั้งหมดตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง รวมทั้งเรื่องใหญ่อย่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเงินทำบุญ เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์เกิดคุณค่ากับทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแท้จริง
บริจาคออฟไลน์ การจ่ายเงินที่มีความไว้ใจเป็นประกัน
การบริจาคมีสเกลในการให้ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เงินบริจาคให้กับวณิพกที่เราเดินผ่านโดยบังเอิญไปจนถึงองค์กรการกุศลขนาดใหญ่ที่เปิดรับบริจาคอย่างเป็นกิจลักษณะ ไม่สำคัญว่าจำนวนเงินจะมากหรือน้อย แต่ที่จำเป็นที่สุดคือเงินที่ใช้ถึงมือผู้รับหรือไม่? และได้นำไปใช้ประโยชน์จริงหรือเปล่า?
การบริจาคแบบออฟไลน์แม้ให้ง่ายก็จริง แต่ก็เสี่ยงถูกหลอกง่ายเหมือนกัน อย่างข่าวแก๊งสะพานลอยผิดกฎหมายที่ยังคงออกข่าวรายเดือนกันไม่จบไม่สิ้น ที่หลังจากการควักเงินให้ไป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเงินเหล่านี้จะไปทางไหนต่อ จะถูกใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ถึงหลายคนจะบอกว่าแค่เราให้ก็สุขใจแล้ว แต่ถ้าเงินที่ให้ไปมันกลับกลายเป็นการสนับสนุนคนผิดมากกว่า อย่างไรก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
อยากทำบุญแบบมั่นใจ ได้บุญ เริ่มตรงไหนดี?
กว่าจะควานหาเจอว่าจะบริจาคให้ใครดี ความตั้งใจในการบริจาคก็ค่อยๆ สูญเสียไประหว่างที่กำลังค้นหาช่องทางทำบุญที่ยากกว่าใจคิด แม้จะมีข่าวขอรับบริจาคแบบวันเว้นวัน แต่หลายข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเงินบริจาคอย่างเรื่องการโกง ทุจริตต่างๆ นานาก็ทำให้คนหวาดระแวงที่จะทำบุญกันไปเยอะ หรือถึงมีกล่องรับบริจาคให้หยอด ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กว่าจะไปถึงมือผู้ที่ต้องการรับบริจาคเสียที
หรือถ้าหากต้องการบริจาคให้กับองค์กรการกุศลขนาดใหญ่ที่ตรวจสอบวิธีการทำงานต่างๆ ได้อย่างโปร่งใส ไม่เพียงแค่เงินจะส่งถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ หากแต่กำไรของคนใจบุญยังถูกแปรกลับมาเป็นการลดหย่อนภาษีกลับคืนให้กับผู้ให้อีกต่อ ซึ่งเงื่อนไขจำนวนที่ลดหย่อนภาษีได้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเงินบริจาค ที่แบ่งเป็นเงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา เงินบริจาคสาธารณประโยชน์ เงินบริจาคช่วยเหลืออุทกภัย และเงินบริจาคทั่วไป ซึ่งก็ต้องพัวพันกับเอกสารสิ้นปีเต็มไปหมด
รู้จักเว็บไซต์ “ปันบุญ” ผู้ช่วยแบ่งปันบุญสู่มือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือโดยสวัสดิภาพ
เกริ่นมาแต่แรกถึงเรื่องยุคสังคมไร้เงินสด เงินบริจาคก็ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในธุรกรรมนี้เช่นเดียวกัน เจ้าของเงินเองก็จะได้เห็นเงินของตัวเองตั้งแต่เดินทางออกจากกระเป๋าด้วยความสุข ไปสู่องค์กรสาธารณกุศลโดยตรงผ่านศูนย์กลางอย่าง “ปันบุญ” ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ทางผู้ให้ ก่อนส่งตรงถึงมือผู้รับแบบไว้วางใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า
ที่บอกว่า “ปันบุญ” เป็นศูนย์กลางนั่นก็เพราะจากฟากฝั่งของผู้ให้ ปันบุญคือเว็บไซต์ที่รวบรวมองค์กรสาธารณกุศลและโครงการเพื่อสังคมทั่วประเทศ และเข้าถึงการบริจาคสู่องค์กรที่เลือกไว้ผ่านทางออนไลน์แบบเชื่อถือได้ 100% ซึ่งความสะดวกสบายที่ว่าเกิดขึ้นจากบริการของปันบุญ เพราะเป็นออนไลน์จึงสามารถเข้าถึงการบริจาคได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกช่องทาง ทั้ง QR Code, Rabbit LINE Pay, บัตรเครดิต โดยเฉพาะกับ QR Code ที่ข้อมูลสำหรับการลดหย่อนภาษีจะถูกบันทึกและส่งตรงถึงสรรพากรทันทีโดยไม่ต้องเก็บสะสมเอกสารแบบที่ผ่านๆมา
ปกติแล้วทางกรมสรรพากรเองก็มีระบบ e-Donation เพื่อรองรับบริการลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเช่นกัน โดยสามารถบริจาคได้ทั้งแบบเงินสด ซึ่งจะมีหน่วยรับบริจาคเป็นผู้บันทึกข้อความลงบนระบบ และผ่านการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ ทาง QR Code หรือบาร์โค้ด โดยทางธนาคารจะเป็นผู้บันทึกข้อมูลและนำส่งต่อให้กับกรมสรรพากรต่อ แต่กับ ปันบุญ เป็นศูนย์กลางของการบริจาคตั้งแต่ต้นจนจบครบวงจร นอกจากความสะดวกสบายของตัวผู้ให้เอง ยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรสาธารณกุศลในประเทศไทยอีกด้วย
3 สเต็ปกับ “ปันบุญ
บริจาคง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนออนไลน์ เงินบริจาคก็ส่งตรงถึงมือผู้รับทันที เริ่มจากเข้าไปที่เว็บไซต์ www.punboon.org เลือกมูลนิธิที่ต้องการบริจาคที่ปรากฎบนหน้าเว็บ คลิกร่วมบริจาคแล้วระบุจำนวนเงินพร้อมกรอกข้อมูล สุดท้ายเลือกรูปแบบการชำระเงินที่สะดวก มีให้เลือกทั้ง QR Code, Rabbit LINE Pay, บัตรเครดิต
เพียงเท่านี้ เงินบริจาคพร้อมความปรารถนาดีของคุณก็ส่งตรงถึงมือผู้รับเพื่อนำไปสร้างคุณค่าให้กับองค์กร และเป็นส่วนที่ช่วยสร้างสังคมของประเทศไทยที่ดำเนินต่อไปด้วยความเกื้อกูลและการแบ่งปัน