เครียดกันเกินไปรึเปล่า?
เราอยู่ในยุคที่ Burnout Syndrome และโรคซึมเศร้ากลายมาเป็นโรคยอดฮิตของมนุษย์ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิต จึงให้เวลากับการทำงานและไขว่คว้าพัฒนาตัวเองอย่างหนัก จนเกิดเป็นความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสม
ผสานกับพลังของโซเชียลมีเดียที่เข้ามามีบทบาทกับทุกกิจกรรมในการดำเนินชีวิตตั้งแต่ตื่นยันหลับจนกระทั่งตื่นมาอีกรอบ จนบางทีก็หลงลืมที่จะหยุดพักเพื่อดูแลชีวิตให้อยู่ในสมดุลอย่างที่ควรจะเป็นรู้ตัวอีกทีเราก็อยู่ในสังคมอุดมความเครียดกันไปซะแล้ว
ไม่ว่าจะโหยหาความสำเร็จขนาดไหน การรักษาสมดุลของการใช้ชีวิต หรือ Work Life Balance ก็เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจในอันดับต้นๆ แถมปัจจุบันยังมีตัวเลือกและวิธีการมากมายที่สามารถช่วยคลายเครียดจากการทำงานได้ เพื่อให้เกิดสมดุลในชีวิตที่เลือกปรับใช้ได้ในแบบของตัวเอง เพราะชีวิตที่ขาดสมดุลคงไม่สามารถเรียกได้ว่าชีวิตที่สมบูรณ์ได้อย่างเต็มปาก และถึงแม้จะหน้าที่การงานจะก้าวหน้าซะขนาดไหน แต่ถ้าสุขภาพกาย สุขภาพใจพังไม่เป็นท่าก็ไม่คุ้มกันหรอกจริงมั้ย?
บรรยากาศดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ในเมื่อเงินก็ต้องใช้ งานก็เลยต้องทำ! มนุษย์อย่างเราๆ จึงยังคงต้องทำงาน สร้างเงิน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ซึ่งตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพก็คือบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ เสียง กลิ่น ก็มีผลต่อการทำงานของเราทั้งสิ้น โดยงานวิจัยบอกว่าแสงไฟและแสงธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการทำงาน เสียงประเภท White Noise อย่างเสียงบรรยากาศหรือเสียงเพลงคลอเบาๆ ก็ช่วยให้มีสมาธิ และกลิ่นของกาแฟก็ช่วยต้านอนุมูลอิสระและผ่อนคลายความเครียด ซึ่งเมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันนั่นเป็นเหตุผลให้ Co-Working Space ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเป็นสถานที่ซึ่งถูกออกแบบมาแล้วเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานแบบ Work Smart!
ความเครียดท่วมหัวต้องเอาตัวให้รอด
เมื่อเกิดความเครียดไม่ว่าจะจากการทำงานหรือสภาพสังคม ร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอล (Cortisal) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมา ซึ่งหากฮอร์โมนนี้หลั่งออกมามากๆ จะกระตุ้นให้รู้สึกหิว นั่นแปลว่านอกจากจะเครียดแล้วเรายังจะอ้วนขึ้นอีกต่างหาก แถมยังไม่หมดแค่นี้ เพราะฮอร์โมนตัวนี้ส่งผลอันตรายไปถึงระดับน้ำตาลในเลือดและภูมิคุ้มกันในร่างกายเลยด้วย อย่างนี้ไงเขาถึงบอกว่าความเครียดเป็นต้นตอของทุกๆ โรค
เพราะฉะนั้นเราจึงต้องหาทางผ่อนคลายจากความเครียด ด้วยการสร้างเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) หรือฮอร์โมนแห่งความสุขมาต่อสู้กับเจ้าฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกิจกรรมที่จะช่วยให้เอ็นดอร์ฟินหลั่งก็ทำได้ไม่ยากเลย การดูหนังสนุกๆ สักเรื่อง หรือเข้าฟิตเนสออกกำลังกายให้เสียเหงื่อก็สามารถสร้างฮอร์โมนแห่งความสุขขึ้นมาได้แล้ว แถมยังช่วยให้เราไม่ต้องพุงพลุ้ยเพราะความเครียดอีกต่างหาก
นอกจากนี้อีกวิธีที่สามารถขับไล่สารพิษและความเครียดง่ายๆ ก็คือการซาวน่า โดยมีผลจาก Oklahoma State University รับรองว่ากลุ่มคนที่เข้ารับการบำบัดความเครียดที่มีการซาวน่าควบคู่ไปด้วยสามารถลดความเครียดได้ดีกว่าอีกกลุ่มที่ไม่ได้ทำ
บำบัดด้วยการถลุงทรัพย์กับ Shopping Therapy
ใครบอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้! รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วการออกไปเดินห้างช้อปปิ้งเป็นอีกวิธีการที่จะสามารถบำบัดความเครียดได้วิธีหนึ่ง เพราะนักวิชาได้ระบุไว้เลยว่าการช้อปปิ้งถือเป็นการตอบสนองความต้องการในขั้น Self-Actualization ซึ่งถือเป็นความต้องการสูงสุดของมนุษย์หากอ้างอิงจากทฤษฎีเรื่องการจูงใจของ Maslow แถมการจับจ่ายยังทำให้ผู้ซื้อเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่าน เช่น เมื่อเราซื้อรองเท้าวิ่งเพื่อออกกำลังกาย เราก็จะจินตนาการถึงหุ่นอันผอมเพรียวในอนาคตซึ่งทำให้มีความสุขเกิดขึ้นในทันใด
นอกจากนี้เวลาที่เราซื้อของที่อยากได้ สมองยังจะหลั่งโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่จะหลั่งออกมาจากเมื่อเกิดอารมณ์พึงพอใจหรือปิติยินดี การช้อปจึงสามารถสร้างความสุขได้ รู้อย่างนี้แล้วทำงานหาเงินมาได้แต่ไม่ใช้ก็กระไรอยู่ ในเมื่อของมันต้องมี ก็ออกไปจับจ่ายใช้สอยให้ฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจหลั่งออกมาบ้างก็ไม่เสียหาย แต่ก็พึงระวังใช้จ่ายอย่างมีสติด้วยนะไม่งั้นเงินจะไม่เหลือเอา
เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ
วงวัชราวลีบอกว่า ‘เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำปล่อยความทุกข์ลอยไปกับทะเลและฟ้าสีคราม’ นั่นอาจเป็นเพราะการที่ได้อยู่ใกล้หรือสัมผัสน้ำบ่อยๆ นั้นก็คล้ายกับการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ซึ่งนักวิจัยบอกว่าส่งผลดีต่อการทำงานของระบบสมอง เพราะน้ำให้ความรู้สึกของความสุขสงบ การใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ น้ำช่วยให้สมองได้หยุดพักและผ่อนคลาย จิตใจสงบมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงจะไม่ได้ไปทะเล เราก็สามารถได้ความรู้สึกผ่อนคลายคล้ายอยู่ใกล้ชายหาดได้ง่ายๆ เพราะทุกวันนี้มีสระว่ายน้ำระบบเกลือที่ใช้เกลือในการบำบัดน้ำแทนคลอรีน ให้ความรู้สึกเหมือนไปเล่นน้ำทะเลโดยไม่ต้องไปไหนไกล และที่ดีก็คือความเข้มข้นของเกลือที่ใช้ไม่สูงเท่ากับในทะเลที่ทำให้เคืองตาหรือผิวหนังด้วย ไม่ต้องเป็นเมอร์เมดหรือเมอร์แมนก็แหวกว่ายกันได้ทุกคน
พักจากแสงสีฟ้ามาสบตาธรรมชาติ
ในการทำงานและใช้ชีวิตดวงตาเราต้องพบเจอกับแสงสีฟ้าจากทั้งหน้าจอสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตอยู่แทบตลอดเวลา ซึ่งการใช้สายตามากๆ อาจทำให้ดวงตาอ่อนล้าและส่งผลเสียต่อดวงตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจ
ฉะนั้นหากเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะใช้สายตามากเกินไปก็ลองทอดสายตาไปไกลๆ โดยไม่ต้องโฟกัสอะไรเป็นพิเศษดู มองต้นไม้และธรรมชาติอย่างน้อยสัก 20 วินาที เพราะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพอีกหลายแห่ง ล้วนมีข้อสรุปผลงานวิจัยคล้ายคลึงกัน คือการพักสายตาด้วยการมองสีเขียวจากธรรมชาติจะสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อสายตาได้ แถมยังให้ความรู้สึกสบายใจอีกต่างหาก
เครียดนักก็พักบ้าง เพราะชีวิตคือการหาจุดสมดุล เลือกพักผ่อนในแบบที่ต้องการกับโครงการ PARKLAND Phetkasem 56 ซึ่งมีพื้นที่สวนธรรมชาติขนาดใหญ่บนพื้นที่โครงการกว่า 13 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าซีคอนบางแค พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่า 30 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำ สนามมวย น้ำตก co-working spaceไปจนถึงห้องดูหนังและพื้นที่จัดปาร์ตี้ ก็มีให้ลูกบ้านทุกๆท่าน
เพื่อให้คุณได้พักผ่อนและได้ใช้ชีวิตในโลกแบบของเราเอง It’s My World เปิดลงทะเบียนสู่โลกที่คุณเลือกได้ https://goo.gl/x2G94f