การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากจะมีความสำคัญในแง่เลือกผู้นำคนใหม่ แต่หลายๆ รัฐยังใช้โอกาสนี้ในการทำประชามติเห็นชอบเรื่องต่างๆ โดยรัฐเนวาดาก็ได้มีการเปิดโหวต ‘นำกฎหมายห้ามแต่งงานในเพศเดียวกันออกจากรัฐธรรมนูญแห่งรัฐ’ ซึ่งมีประชาชนออกมาใช้สิทธิอย่างล้นหลาม ทำให้ตอนนี้เนวาดากลายเป็นรัฐแรกที่มีการนำกฎหมายห้ามแต่งงานในเพศเดียวกันออกจากรัฐธรรมนูญ
สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า ในการลงประชามติดังกล่าวมีผู้เห็นด้วยกับการนำกฎหมายห้ามแต่งงานในเพศเดียวกันออกจากรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 61.2 ในขณะที่ร้อยละ 38.8 ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว
บริอานา เอสคามิลลา (Briana Escamilla) ผู้อำนวยการองค์กรส่งเสริมสิทธิมนุษยชนแห่งรัฐเนวาดา กล่าวว่า คะแนนโหวตสนับสนุนที่ท้วมท้นนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ความเสมอภาคของ LGBTQ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ถูกต้อง แต่เป็นสิ่งที่ชาวเนวาดาต้องการ
ก่อนหน้านี้ชาว LGBTQ ก็มีเรื่องน่าดีใจกันมาแล้ว หลังศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ตัดสินคดี Obergefell v. Hodges ในปี ค.ศ. 2015 ให้ทุกรัฐยอมรับการแต่งงานของคนรักร่วมเพศ หลังโจทก์คนสำคัญในคดีอย่าง เจมส์ โอเบอร์เจอเฟล ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีที่รัฐแมรี่แลนด์ จากนั้นย้ายมาอาศัยยังรัฐโอไฮโอ แต่ริชาร์ด ฮอจส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณสุขของรัฐโอไฮโอ กลับไม่ยอมรับการจดทะเบียนสถานภาพสมรสดังกล่าว ภายหลังจึงเกิดการโต้เถียงกัน และนำมาซึ่งคำสั่งศาลข้างต้น
แม้ชาว LGBTQ จะได้รับการสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานมากขึ้นในเวลาที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าอนาคตของคู่รักเพศเดียวกันจะมีอุปสรรคมากขึ้น หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์แต่งตั้ง เอมี บาร์เรตต์ (Amy Coney Barrett) ขึ้นเป็นเป็นผู้พิพากษาศาลสูง ทำให้ตอนนี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมครองเสียงในศาลฎีกาถึง 6:3 เสียง
ดังนั้น การผ่านร่างกฎหมาย ‘ยกเลิกการห้ามแต่งงานในเพศเดียวกัน’ จึงสร้างความมั่นใจให้ประชาชนชาวเนวาดามากขึ้นว่าในอนาคตจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแห่งรัฐ แม้ว่ากฎหมายในระดับประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-election-2020/nevada-same-sex-marriage-constitution-2020-election-b1607984.html
#BRIEF #TheMATTER