ในทุกๆ วันที่เราตื่นขึ้น เรามักสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในเชิงภูมิอากาศกันอยู่เสมอๆ อากาศที่เป็นพิษ อุณภูมิในแต่ละวันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เช่นเดียวกันกับข่าวของรอบปีที่ผ่านมา ที่ทั่วโลกต่างต้องประสบกับภัยพิบัติรุนแรง จากผลการศึกษาขององค์กรการกุศลอย่าง Christian Aid เปิดเผยว่า โลกของเราในปีนี้ สูญเสียทรัพยากรต่างๆ นานา คิดรวมเป็นมูลค่าได้กว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท) อีกทั้งภัยพิบัติเหล่านี้ยังได้ทำให้สิ่งมีชีวิตราว 3,500 ชนิด รวมถึงมนุษย์อีกกว่า 13.5 ล้านคน ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าโลกเราสูญเสียทรัพยากรต่างๆ ไปแค่แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น เพราะจากรายงานระบุว่า ยังคงมีความเสียหายต่างๆ นอกเหนือไปจากไฟป่าในออสเตรเลีย จนถึงพายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นบริเวณแอตแลนติกช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากมีความเสียหายอื่นๆ ที่ไม่ได้มีวงเงินประกันชดเชยค่าเสียหาย อย่างไรก็ดี ภาระต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบไปยังประเทศยากจน ที่ต้องแบกรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปพร้อมๆ กับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จากผลการศึกษาของ The Lancet มีวงเงินประกันเพียงแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถจ่ายและครอบคลุมถึงความเสียหายจากภัยพิบัติ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้น้อย ต่างกันกับวงเงินประกันกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ที่จ่ายชดเชยความเสียหายเหล่านี้ให้กับประเทศที่มีรายได้สูง
“ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมในเอเชีย ตั๊กแตนระบาดในแอฟริกา หรือพายุในยุโรปและสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะยังคงส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างรุนแรงเรื่อยๆ” แคต คราเมอร์ (Kat Kramer) หัวหน้าฝ่ายนโยบายสภาพภูมิอากาศของ Christian Aid ให้สัมภาษณ์ พร้อมหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า โลกเรากำลังประสบกับผลของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่ผันผวน การเกิดขึ้นของเฮอริเคน การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามนุษย์กำลังเผชิญหน้าอยู่กับสิ่งใด
The Guardian ระบุว่า พายุเขตร้อนขนาดยักษ์ ได้แก่ เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ในปัจจุบันมีความแรงของพายุมากขึ้น เกิดนานขึ้น และอุ้มน้ำจากมหาสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถิติการเกิดพายุเฮอริเคนลูกต่างๆ บริเวณแอตแลนติก ได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 400 ราย รวมถึงความเสียหายมูลค่ากว่า 4.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 11.2 ล้านล้านบาท)
เช่นเดียวกันกับการเกิดน้ำท่วมหนักในเอเชีย โดยเฉพาะใน จีนและอินเดีย ที่เกิดลมมรสุมตามฤดูกาลที่ผิดปรกติ ปรากฏการณ์นี้ได้เพิ่มจำนวนปริมาณน้ำฝนมากขึ้นตามไปด้วย โดย 1 ใน 5 ของความเสียหายประจำปีนี้ คิดเป็นมูลค่าจากอุทกภัยในเอเชียทั้งสิ้น อาทิ เหตุการณ์น้ำท่วมพื้นที่ 1 ใน 4 ของบังกลาเทศ ซึ่งถือได้ว่าย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบังกลาเทศ
และคงไม่พูดถึงปัญหาไฟป่าไม่ได้ เมื่อโลกกำลังพบกับปัญหาไฟป่าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย อย่างเช่นไฟป่าในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ หรือในออสเตรเลีย ไปจนกระทั่งไฟป่าบนเขตฝืนป่าของไซบีเรียในรัสเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณวงกลมละติจูดอาร์กติก ที่มีอุณภูมิร้อนขึ้นเรื่อยๆ และมันยังถูกพยากรณ์เอาไว้ว่าอาจเลวร้ายขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ในช่วงปลาย ค.ศ.2019 ถึงต้น ค.ศ.2020 ไฟป่าในออสเตรเลียได้ทำลายพื้นที่ป่าไปอย่างน้อยที่สุด 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่นับรวมถึงสัตว์ป่าอีกหลาย 10 ล้านตัวที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติดังกล่าว
ทั้งๆ ที่โลกของเรามีการลงนามในข้อตกลงปารีสไปแล้วตั้งแต่ ค.ศ.2015 แต่มาตรการต่างๆ กลับไม่ถูกปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง จากข้อตกลงในข้อตกลงปารีสระบุว่า รัฐชาติต่างๆ จะตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อทำให้อุณภูมิของโลกสูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส หรือเป็นไปได้ที่สุดคือ 1.5 องศาเซลเซียส โดยปัจจบุัน โลกของเรามีอุณภูมิสูงขึ้น 1.1 องศาเซลเซียสแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงศวรรษที่ 19 เป็นต้นมา นั้นหมายถึง เราเหลืออุณภูมิที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้อีกเพียงแค่ 0.4 องศาเซลเซียส ก่อนที่สิ่งแวดล้อม สัต์ป่า และมนุษย์เอง จะได้รับผลกระทบอย่างหนักกว่าเดิมเท่าที่เราเคยประสบมา
วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศใกล้ตัวเรามากกว่าที่ทุกคนจะคาดถึง ทั้งนี้ มันยังได้ส่งผลกระทบออกมาในรูปแบบของภัยพิบัติที่นับวันจะมีความประหลาด และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากเราปรับวิธีการรับมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภุมิอากาศได้อย่างจริงจัง สถานการณ์ของโลกอาจไม่ย่ำแย่ลงไปจากเดิมอย่างในปีนี้ หรือหากเราแก้ไขมันได้ช้าเกินไป สถานการณ์ทุกอย่างก็อาจจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหวนคืน ทั้งนี้ เพื่อนย้อนดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงปีที่ผ่านมา คุณสามารถย้อนอ่าน รวมภัยพิบัติทางธรรมชาติในปี 2020 ที่ทาง The MATTER ได้เคยรวบรวมเอาไว้แล้วได้ทาง https://thematter.co/quick-bite/natural-disasters-2020/131542
อ้างอิงจาก
https://www.christianaid.org.uk/resources/our-work/counting-cost-2020-year-climate-breakdown
https://www.bbc.com/news/science-environment-55416013
#Brief #TheMATTER