“ประเด็นของพี่น้องชาติพันธุ์ที่บางกลอย น่าจะเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าคนที่ตัวเล็กตัวน้อยที่สุดในสังคม ถูกคนตัวใหญ่ หรือรัฐที่เป็นอภิสิทธิ์ชนกด และพยายามทำให้เขาต้องอยู่ในพื้นที่นั้น โดยที่จะตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่ได้”
ขบวนเดินทะลุฟ้า แม้จะมีข้อเรียกร้อง 4 ประเด็นหลักๆ กับการปล่อยเพื่อนเรา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก 112 และให้นายกฯ ลาออก แต่ในขบวนเอง ยังได้ชูปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงกลุ่มภาคีsaveบางกลอย ที่ได้มาร่วมชูประเด็นปัญหาชาติพันธ์ุของชาวบางกลอยในขบวนด้วย
กลุ่มภาคีsaveบางกลอย เล่าให้ The MATTER ถึงเหตุผลที่มาร่วมขบวนว่า “เราปักหลักอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล และร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาที่ยึดเยื้อ โดยเฉพาะประเด็น #saveบางกลอย ซึ่งกำลังร้อนมากในช่วงนี้ และดูไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาได้เลย ซึ่งยืดเยื้อมาถึง 25 ปี”
“ประเด็นบางกลอย กับเดินทะลุฟ้า มันไปด้วยกันได้ เพราะมันเป็นการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเราคิดว่าประเด็นปัญหาของพี่น้องชาติพันธุ์ที่บางกลอย น่าจะเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าคนที่ตัวเล็กตัวน้อยที่สุดในสังคม ที่ถูกคนตัวใหญ่ หรือรัฐที่เป็นอภิสิทธิ์ชนกด และพยายามทำให้เขาต้องอยู่ในพื้นที่นั้น โดยที่จะตายก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่ได้ มันก็เป็นอีกหนึ่งตัวแทนที่เราตั้งใจเอาประเด็นออกมาในสาธารณะ
และมันก็น่าจะหนุนเสริมขบวนของการเดินทะลุฟ้าได้ เพราะมันเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจน และคนในสังคมก็น่าจะรู้สึกว่าโดนกดอยู่เหมือนกัน แต่คนบางกลอย ตัวเล็กกว่ามากๆ เราเลยรู้สึกว่า ต้องมาร่วมกัน อย่างอยู่ที่ทำเนียบ มันเป็นการแก้ไขในบางกรณีอย่างบางกลอย แต่เรามาที่นี่เพื่อแก้โครงสร้าง เพื่อให้มีหลักประกันว่าชาวบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่เชิงอนุรักษ์จะไม่เจอปัญหาแบบบางกลอยกำลังเจออีก”
สำหรับประเด็นบางกลอยที่เกิดขึ้นใน ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงล่าสุดที่มีการจับกุมชาวกระเหรี่ยงบางกลอย ภาคีsaveบางกลอยเล่าว่า
“หลังจากที่เขาถูกอพยพในปี 2539 และถูกเผาบ้าน เผายุ้งข้าว ในปี 2554 รวมถึงการอุ้มฆ่าบิลลี่ มันเป็นภาวะที่กลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์กระเหรี่ยงที่บางกลอย ไม่อาจลุกขึ้นมาต่อสู้ คิดว่าตัวเองไม่มีกำลังต่อรองกับรัฐ หรือใครก็ตามที่มีอิทธิพล เพราะมันหมายถึงเขาอาจจะถูกจับดำเนินคดี หรือหมายถึงความตาย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอึดอัด”
“แต่ฟางเส้นสุดท้ายคือสถานการณ์ COVID-19 และปากท้อง ที่ 25 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีชีวิตที่มีความสุข พอมาเจอ COVID-19 ที่ตัดโอกาสเขาในการทำงาน เพราะจะไปทำงานในเมืองก็ทำไม่ได้ เขาก็เลยคิดถึงประเด็น หรือเรื่องที่ว่า เมื่อก่อนเขาอยู่ยังไง หรือเด็กๆ ที่อยู่ไม่ทัน เขาก็ได้คิดถึงสิ่งที่รุ่นพ่อแม่เขาเล่าให้ฟัง แล้วก็คิดว่ายังไงตรงนั้นก็ดีกว่าตรงนี้ เพราะตรงนี้เหมือนตายทั้งเป็น เขาก็เลยเดินกลับขึ้นไป”
“พอกลับขึ้นไปก็เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เพราะอุทยานแห่งชาติยืนยันว่า ยังไงเขาก็อยู่ตรงนันไม่ได้ ทั้งอพยพเขาลงมาแล้ว เผาบ้านเขามาแล้ว พออพยพขึ้นไป ก็เหมือนการท้าทายอุทยานแห่งชาติอย่างใหญ่หลวง แต่เดิมเคยกดเขาได้ พอเขาลุกขึ้นมาสู้ คนมีอำนาจก็อยากจะกดเขาต่อ ไม่ให้เขามีอำนาจต่อรอง ก็เลยเป็นยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรอย่างที่เห็น เกิดเป็นการจำคุกดำเนินคดีอย่างที่เห็น”
สำหรับวันนี้ กลุ่มภาคีsaveบางกลอย และ P-move เอง ได้ปักหลักอยู่ที่ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเป็นวันแรกด้วย
#QUOTE #saveบางกลอย #TheMATTER