ประเด็นการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นเรื่องหนึ่งในวงประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 ก่อนที่จะมีมติไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้ง 7 ประเทศจะร่วมมือกันแบ่งวัคซีนไวรัส COVID-19 จำนวน 1 พันล้านโดสให้แก่ประเทศที่มีรายได้น้อยทั่วโลก ภายในอาทิตย์นี้
การประชุม G-7 เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาในเมืองคอนเวลส์ ประเทศอังกฤษ โดยมีผู้นำจากสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, แคนาดา และเยอรมนี เข้าร่วม และประเด็นการกระจายวัคซีน COVID-19 ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดคุยกัน
เป้าหมายของ 7 กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำโลกคือการหยุดยั้งการแพร่ระบาดให้สำเร็จภายในสิ้นปี 2022 เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจให้กลับมาก่อนการระบาด ซึ่งคำตอบที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันคือการกระจายส่วนแบ่งวัคซีนให้แก่ประเทศที่มีรายได้น้อย โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านโดส
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเป้าหมาย 1 พันล้านโดสอาจยังไม่เพียพอ Anna Marriott หัวหน้าด้านแผนโนยบายขององค์กร Oxfam แสดงความเห็นว่า “ถ้าผู้นำกลุ่ม G-7 ทำได้แค่บริจาควัคซีน 1 พันล้านโดส การประชุมนี้ก็นับว่าล้มเหลว” เพราะเธอมองว่าทั่วโลกต้องการวัคซีน 11 พันล้านโดส
“พวกเขากำลังเดินมาถูกทาง แต่ไม่ไกลมากพอ และไม่เร็วมากพอ” Alex Harris ผู้อำนวยฝ่ายความสัมพันธ์กับรัฐบาล ของสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ Wellcome กล่าว “สิ่งที่โลกต้องการคือการกระจายวัคซีนตอนนี้ ไม่ใช่ปีหน้า ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ กลุ่ม G-7 ต้องแสดงความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤต และเราขอเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่ม G-7 แสดงมันออกมา”
ทางด้าน Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ UN ยินดีกับทิศทางที่เหล่าผู้นำตัดสินใจ แต่มันอาจไม่เพียงพอ เพราะความล่าช้าในการกระจายวัคซีนอาจทำให้เชื้อกลายพันธุ์และยิ่งลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน “พวกเราต้องการแผนกระจายวัคซีนระดับโลก ต้องใช้เหตุผลเป็นหลักและตระหนักถึงความเร่งด่วน รวมถึงให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ ซึ่งเรายังห่างไกลจากจุดนั้นมาก”
อ้างอิง:
https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/g7-donate-1-billion-covid-19-vaccine-doses-poorer-countries-2021-06-10/