เมื่อวานนี้ (27 กรกฎาคม) ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) เผยแพร่มติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 กรณีวัคซีน COVID-19 Pfizer โดยระบุว่าให้จัดสรรวัคซีน 1.54 ล้านโดสในล็อตนี้ให้กับประชาชน 5 กลุ่ม ได้แก่
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานด่านหน้า จำนวน 700,000 โดส โดยบุคลากรที่จะรับวัคซีน Pfizer ต้องรับวัคซีน Sinovac ครบ 2 โดสแล้วอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และยังไม่ได้รับวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็ม 3
- ประชาชนสัญชาติไทย ผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป) และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส โดยการจัดสรรวัคซีนจะพิจารณาควบคู่ไปกับอัตราการเสียชีวิต และความครอบคลุมของวัคซีนที่ฉีดให้ผู้สูงอายุในแต่ละจังหวัด
- ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นไปที่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ และมีความจำเป็นต้องรับวัคซีน Pfizer อาทิ นักศึกษา นักการทูต โดยมีการจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มนี้จำนวน 150,000 โดส ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่ประสานงานเป็นหลัก
- สำหรับการศึกษาวิจัย จำนวน 5,000 โดส ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม และกรมควบคุมโรคได้พิจารณาโดยคำนึงถึงประโยชน์ในการควบคุมโรคของประเทศเป็นสำคัญ
- สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส
เบื้องต้น คาดว่าวัคซีน Pfizer ล็อตนี้จะเดินมาถึงไทยในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนับตั้งแต่มีการยืนยันว่าทางสหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนให้ไทย ก็มีกระแสข่าวออกมาถึงการแบ่งวัคซีนที่ไม่เป็นธรรม มาเบียดบังวัคซีนที่บุคลากรด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยงต้องได้ ไปให้กลุ่มอื่นๆ
ตัวแทนจากบุคลากรทางการแพทย์อย่างหมอไม่ทน, Nurses Connect, IFMSA-Thailand และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร (DNA) จึงได้ออกมาทำแคมเปญเชิญชวนประชาชนจับตาการบริหารวัคซีน Pfizer อีกทั้งยังมีการยื่นหนังสือถึงสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบการจัดการวัคซีนอย่างใกล้ชิด เพื่อการบริจาคครั้งนี้เป็นไปตามความเป้าหมายของผู้บริจาค และถึงมือผู้รับบริจาคได้ตรงจุดประสงค์ที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังมีกระแสข่าวนี้ออกไป ศบค. และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า ไม่มีการจัดสรรวัคซีน Pfizer ไปให้กลุ่มอื่นนอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 ที่ระบุข้างต้น และบุคลากรแพทย์จะได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 500,000 โดสอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขถูกบังคับให้ฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 3 ก็ไม่เป็นความจริง การเลือกวัคซีนต่างๆ เป็นความสมัครใจของแต่ละคนเอง
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/…/a.125488468…/593602648691728/
https://mobile.facebook.com/…/a.106…/372557611029236/…
https://mobile.facebook.com/…/a.106…/371914211093576/…
https://www.amarintv.com/news/detail/91226
https://www.thairath.co.th/news/local/2151196