การอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่สาม (2 ก.ย.2564) ในช่วงค่ำ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในประเด็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยอ้างว่ามีการกีดกัน Pfizer ไม่เข้าร่วม COVAX และ AstraZeneca ไม่มาตามนัด จนได้ Sinovac เข้ามาใช้แทน
พิธาอ้างเอกสารหลายฉบับเพื่อบอกว่า รัฐบาลไทยละเลยการเข้าร่วมโครงการ COVAX รวมถึงไม่ยอมตอบกลับกับทาง Pfizer ที่เริ่มติดต่อกันตั้งแต่เดือน ส.ค.2563 แต่ถึงเวลาหนึ่งกลับหายไปเลย แม้จะเคยติดต่อกันหลายครั้งก็ตาม
พิธายังบอกว่า หน่วยงานรัฐของไทยไม่มีเอกภาพในการทำงาน มีเอกสารชุดหนึ่งปรากฎว่า กระทรวงการต่างประเทศพยายามไปเจรจาให้ซีอีโอ Pfizer ยกเว้นข้อกำหนดเรื่อง ‘หนึ่งประเทศ หนึ่งสัญญา’ เพื่อให้สามารถเจรจาแทนกระทรวงสาธารณสุขได้ สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานแบบไม่บูรณาการ และสุดท้าย Pfizer ก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
“อาวุธสำคัญในการสยบโควิด คือเรื่องของวัคซีน จะมีกี่แผนก็เรื่องของแผน แต่มันผ่านมา 6-7 เดือน ได้เทม้าตัวอื่นทิ้ง เทวัคซีนคุณภาพที่มาจ่อรอหน้าอ่าวไทยทิ้ง ‘ม้ามืด’ เลยกลายเป็น ‘ม้าหลัก’ อยู่ทุกวันนี้”
พิธายังพยายามให้ข้อมูลต่อไปว่า ผู้ขายวัคซีน Sinovac รวมไปถึงผู้ขาย ATK ยี่ห้อ LEPU เคยมีประวัติในการจ่ายสินบน ท่ามกลางการประท้วงจาก ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล ที่อ้างเรื่องพาดพิงบุคคลภายนอก
สุดท้าย พิธากล่าวว่า ขอเรียกร้องต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า จะต้องเลือกระหว่างชีวิตของประชาชน หรือจะเลือกระบอบปรสิต ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป ถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปให้ได้ โดยการเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไปจากการบริหารราชการแผ่นดิน
#Brief #politics #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #TheMATTER