ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทย กำลังลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผลสำรวจล่าสุดจาก กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาพบว่า ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในประเทศไทยกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และท่ามกลางการระบาดในรอบปีที่ผ่านมา มีเด็กอย่างน้อยกว่า 4 หมื่นรายที่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาไป
ผลสำรวจล่าสุดจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เปิดเผยว่า ในภาคการศึกษา 1/2564 ไทยมีเด็กยากจนและยากจนพิเศษรวมประมาณ 1.9 ล้านคน จากวัยเรียนในภาคบังคับกว่า 9 ล้านคน อันเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้ครอบครัวของเด็กและเยาวชนมีรายได้ที่ลดลง ซึ่งจากสถิติดังกล่าว ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก ทั้งนี้ มีเด็กกว่า 1.3 ล้านคน ที่อยู่ในเกณฑ์ยากจนพิเศษ ซึ่งนับได้ว่าเป็นยอดสูงสุดใหม่เท่าที่เคยพบมา
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเปิดเผยอีกว่า ถึงแม้ว่าทางกองทุนจะมีการให้ความสนับสนุน ในเรื่องของทุนการศึกษา แต่กองทุนฯ พบว่า ยังมีเด็กอีกกว่า 43,060 คน คิดเป็น 14.6 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่พบข้อมูลว่าได้กลับเข้ามาเรียนต่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก ม.3 และ ป.6 อันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการศึกษา และไม่ควรปล่อยให้เด็กเหล่านี้หลุดออกจากระบบการศึกษา เพื่อสิทธิประโยชน์ของพวกเขาและเธอ
แน่นอนว่าท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์จากที่บ้าน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษากลับพบว่า มีนักเรียนยากจนพิเศษจากพื้นที่ทั้งหมด 29 จังหวัด ที่กำลังประสบกับปัญหาไม่มีไฟฟ้าและอุปกรณ์การเรียนประมาณ 87.94 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนเด็กกว่า 271,888 คน ซึ่งพบมากสุดในอันดับ 5 จังหวัดแรก ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ตาก นครราชสีมา และยะลา โดยครัวเรือนที่ยากลำบากที่สุดของไทย มีรายได้ของสมาชิกต่อคนต่อเดือนเฉลี่ยแค่ 1,094 บาท หรือ 36 บาทต่อวัน
นอกจากปัญหาการเรียนแล้ว COVID-19 ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน จากรายงานระบุว่า เพียงในช่วงเดือนสิงหาคม มียอดเด็กติดเชื้อ COVID-19 จากหลัก 6.5 หมื่นราย พุ่งสูงขึ้นไปแตะที่ 1.38 แสนรายในช่วงต้นเดือนกันยายน ซ้ำร้ายมีเด็กกว่า 366 คน ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่จาก COVID-19 ผลกระทบเหล่านี้จะส่งผลต่อชีวิตของเด็กทั้งในด้านการศึกษา ตลอดจนอาการหลังป่วย COVID-19 หรือ Long Covid ที่จะติดตัวเด็กไปอีกนาน และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ กลุ่มงานการศึกษาของธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย ยังได้เปิดเผยอีกว่า ถ้าสถานการณ์ COVID-19 ในไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงภายในสิ้นเดือนธันวาคม พ.ศ.2564 นี้ เท่ากับว่าไทยจะมีอัตราการสูญเสียในด้านการศึกษาประมาณ 1.27 ปี ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 12.7 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่า 30 เปอร์เซ็นต์ของ GDP และแน่นอนว่าในอนาคต เด็กเหล่านี้จะต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานของประเทศไทย ซึ่งความสูญเสียในด้านการศึกษา ย่อมทำให้แรงงานในอนาคตด้อยลงอีกอย่างน้อยกว่า 60 ปี หรือจนถึงประมาณ พ.ศ.2624 ซึ่งจะลดทอนศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไปอีกยาวนาน
ชุดข้อมูลดังกล่าวกำลังชี้ว่า COVID-19 กำลังส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในไทย และเด็กกับเยาวชนกำลังเป็นเหยื่อจากวิกฤตในครั้งนี้ ผลจากความเหลื่อมล้ำยังส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในไทยไปอีกยาวนาน หากไม่มีแก้ไขได้ทันกาล การเอาชนะอุปสรรคความเหลื่อมล้ำในครั้งนี้ จำต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาคธุรกิจ รัฐ ประชาชน ในการร่วมกันเป็นเครือข่ายทางสังคมที่แน่นแฟ้น เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่า จะไม่มีเด็กแม้แต่คนเดียว ที่ถูกทอดทิ้งให้หลุดออกจากระบบการศึกษาไทย เพื่อเด็กและเยาวชนย่อมเป็นอนาคตของชาตินี้
#Brief #TheMATTER