เหลือไว้ย่อมดีกว่าขาด อิสราเอลกำลังวางแผนการใช้วัคซีน ไว้เผื่อกรณีที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้ประชาชน
นัจมาน แอช อธิบดีกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยว่า กระทรวงฯ กำลังเตรียมการเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศจะมีวัคซีนเพียงพอ หากต้องฉีดกระตุ้นเข็มที่ 4 ให้ประชาชน โดยเขากล่าวว่า “เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่หวังว่าคงไม่ใช่ภายใน 6 เดือนนี้ และหวังว่าการกระตุ้นเข็มที่ 3 จะยังมีประสิทธิภาพดี”
อิสราเอลเป็นอีกหนึ่งประเทศที่คืบหน้าเรื่องการฉีดวัคซีนมากที่สุดในโลก ตั้งแต่การฉีด 2 เข็มอิสราเอลก็เป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนได้มากที่สุดในเวลานั้น (เมื่อดูจากส่วนส่วนต่อประชากร) หลังเริ่มมีกระแสฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 อิสราเอลก็เป็นประเทศต้นๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหว
สำหรับวัคซีนตัวหลักที่ใช้ในอิสราเอลคือ Pfizer ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันจากการฉีดเข็มแรกจะค่อยๆ ลดลงหลังฉีดครบ 5 เดือน ทำให้วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 และ 4 อาจจำเป็นในอนาคต ที่เป็นที่มาที่ทำให้อิสราเอลตัดสินใจกระตุ้นเข็มที่ 3 ในประชาชนในเดือนสิงหาคม
อิสราเอลกลับมาให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนอีกครั้ง หลังเกิดการระบาดสายพันธุ์เดลต้าที่ดูเหมือนว่าการฉีดแค่ 2 เข็มจะไม่ตอบโจทย์กับสถานการณ์อีกต่อไป เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อิสราเอลกลับมามีอัตราผู้ติดเชื้อรายวันสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่ง อธิบดี สธ.คาดว่าน่าจะเป็นช่วงที่การฉีดวัคซีนกระตุ้นเริ่มเห็นผล
นอกจากนี้ ข้อมูลการศึกษาจากประชากร 1 แสนคนยังพบว่า ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีอัตราการเกิดความรุนแรงของโรคสูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว นั่นหมายความแม้ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามเวลาบ้าง แต่ก็ยังคงป้องกันการป่วยรุนแรงได้อยู่
ปัจจุบัน อิสราเอลฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนได้แล้วประมาณ 6 ล้านคน (จาก 9.4 ล้านคน) ฉีดเข็มที่ 2 ประมาณ 5.5 ล้านคนและกระตุ้นเข็มที่ 3 ฉีดไปแล้ว 2.8 ล้านคน
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER