หลังจากมีข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ Sinopharm สำหรับผู้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป (ปัจจุบันได้รับอนุญาตให้ใช้เฉพาะผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น) แต่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กลับเริ่มต้นฉีดวัคซีน Sinopharm ให้กับเด็กนักเรียนจากบางโรงเรียนไปแล้ว ภายใต้ชื่อโครงการ VACC 2 School ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า แล้ว ‘โครงการวิจัย’ ที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ทำอยู่ จะยังเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่?
ผู้บริหาร อย.รายหนึ่งชี้แจงกับ The MATTER ว่า ทั้ง 2 ส่วนเป็นคนละกรณีกัน โดยการขออนุญาตให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป เป็นหน้าที่ของบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและผู้ขอขึ้นทะเบียน ซึ่ง อย.ได้แจ้งกับทางบริษัทไปแล้วว่า ข้อมูลที่ส่งมายังไม่เพียงพอ ขอให้รวบรวมข้อมูลอื่นๆ มาเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ อย.และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงาน ‘ยังไม่อนุญาตให้ใช้’ มีความหมายที่แตกต่างกับ ‘ไม่อนุญาตให้ใช้’ โดยเราพร้อมรับเอกสารเพิ่มเติมและจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้สังคมมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการนำวัคซีนโควิด-19 มาใช้กับเด็กและเยาวชน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือความปลอดภัยของผู้ได้รับการฉีด แม้จะเป็นวัคซีนประเภทเชื้อตาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมายาวนานก็ตาม
ส่วนกรณีที่ราชวิทยาลจุฬาภรณ์ฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ อยู่นั้น ผู้บริหาร อย.รายนี้กล่าวว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยซึ่งทำได้หากได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมของสถาบันนั้นๆ
ปัจจุบันมีโรงเรียนต่างๆ ขอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ Sinopharm ในโครงการ VACC 2 School กว่า 132 โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียน 108,000 คน โดยวัคซีนชนิดนี้จะเว้นระยะเวลาฉีด ระหว่างเข็มแรกและเข็มสอง 3 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามข้อมูลจาก นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาจุฬาภรณ์ เรื่องการเดินหน้าโครงการวิจัยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ Sinopharm กับเด็กและเยาวชน เพื่อดูผลข้างเคียง (side effect) และประสิทธิภาพในการป้องกันการระบาด แต่ได้รับแจ้งว่าเจ้าตัวติดประชุม
#Brief #TheMATTER