สัตว์อะไรที่เราเคยเห็น อาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีต วิจัยจากสหรัฐฯ ระบุว่า การสูญพันธุ์ใหญ่ครั้งที่ 6 ของโลกกำลังเริ่มต้นขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากน้ำมือของมนุษย์
โลกของเราถือกำเนิดมาแล้วประมาณ 4.5 พันล้านปี ผ่านการสูญพันธุ์ใหญ่มาแล้ว 5 ครั้ง จากปัญหาที่แตกต่างกัน ทั้งปัจจัยภายในอย่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติที่รุนแรง รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างการมาเยือนของวัตถุนอกโลก ที่ทำให้พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้นไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และค่อยๆ สูญสิ้นไปในเวลาใกล้เคียงกัน
นี่ก็ผ่านมาประมาณ 65 ล้านปี นับตั้งแต่การสูญพันธุ์ใหญ่ครั้งล่าสุด และดูเหมือนว่าเวลาแห่งการสูญพันธุ์ใหญ่ครั้งใหม่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
งานวิจัยที่ศึกษาโดยมหาวิทยาลัยฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Biological Reviews เปิดเผยว่า การสูญพันธุ์ใหญ่ครั้งที่ 6 กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีสาเหตุหลักๆ จากการใช้ชีวิตของมนุษย์ จากการตรวจสอบอัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ปี ค.ศ.1500 พบว่าโลกได้สูญเสียพืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ ไปแล้วประมาณ 7.5-13% จากทั้งหมด 2 ล้านสายพันธุ์ที่รู้จัก และมันกำลังค่อยๆ เพิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โรเบิร์ต โควี (Robert Cowie) หนึ่งในทีมวิจัยระบุว่า อัตราการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชกำลังเพิ่มขึ้น แต่หลายคนยังปฏิเสธว่านี่คือสัญญาณสำคัญที่จะนำไปสู่การสูญพันธุ์ใหญ่ และมองว่านี่เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นเฉพาะกับกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกเท่านั้น เนื่องจากไม่มองอัตราการสูญพันธุ์ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอย่างพวกแมลงและหอย ซึ่งมีมากถึง 95% จากสัตว์ทั้งหมดที่โลกรู้จัก
นักวิจัยได้อ้างถึงหลักประเมินบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่มักถูกยกมาใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบสัตว์ที่สูญพันธุ์ โดยโควีบอกว่าเกณฑ์ของ IUCN นั้นไม่ครอบคลุมสัตว์กลุ่มไม่มีกระดูกสันหลังมากพอ
เขาและทีมจึงมองว่าการประเมินสัตว์ที่สูญพันธุ์ของ IUCN นั้นต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ปัจจุบันในบัญชีแดงมีสัตว์ที่ถูกขึ้นทะเบียนว่าสูญพันธุ์ไปแล้วประมาณ 900 สายพันธุ์ แต่ทีมวิจัยจากฮาวายคาดว่า ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ราวๆ 150,000-260,000 จากเกือบ 2 ล้านสายพันธุ์
“ตัวเลขการสูญพันธุ์ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นข้อมูลสำคัญที่ยืนยันได้ว่าการสูญพันธุ์ใหญ่ของโลกกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง” โควีกล่าว และยังบอกอีกว่าตอนนี้มันสายไปแล้วที่จะพยายามจะรักษาสัตว์ทุกชนิดไว้ได้ แต่ยังพอมีเวลาสำหรับสัตว์ที่เหลือ โดยต้องเน้นไปที่นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นหลัก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่โดนคุกคามมากที่สุด
หลังงานวิจัยชิ้นดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ทีมนักวิจัยได้ใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้นักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทเกี่ยวกับเรื่องนี้ร่วมกันตรวจสอบสถานะปัจจุบันของสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ทั่วโลกในทุกสปีชีย์ที่จะระบุได้ เพื่อจดบันทึกจำนวนที่มีอยู่ที่ชัดเจน และหาแนวทางอนุรักษ์ต่อไป และที่ต้องทำแบบนี้เพราะโควีมองว่า มนุษย์คือความหวังเดียวที่จะกำหนดอนาคตของโลกได้
อ้างอิงจาก
https://www.sciencealert.com/new-evidence-confirms-the…
https://www.independent.co.uk/…/sixth-mass-extinction…