สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนดำเนินต่อเนื่องมาถึงวันที่ 17 และดูเหมือนฝั่งผู้รุกรานยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมวางอาวุธ ท่ามกลางคลื่นผู้อพยพชาวยูเครนหลายแสนไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน คนบางกลุ่มไม่สามารถเดินทางออกไปไหนได้ เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพและร่างกาย
การอพยพไม่ใช่ทางเลือกสำหรับครอบครัวของ Natalia Komarenko เพราะลูกชายวัย 17 ปีของเธอ Vova หรือ Volodymyr มีอาการของโรค Opitz-Kaveggia หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกทางยีนส์และทำให้เกิดความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งทำให้เขาต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ Vova ยังต้องให้กินยากันชักอย่างสม่ำเสมอ แต่สงครามทำให้การขนส่งยาดังกล่าวมาในเมืองเป็นเรื่องยากลำบาก “เราไม่สามารถหายาที่เราต้องการที่สุดได้เลย โดยเฉพาะยากันชักอย่าง Levetiracetam และ Lamotrigine ซึ่งเขา (Vova) ใช้มันตั้งแต่ 10 ขวบ” Komarenko แม่ของเด็กชายกล่าวกับสำนักข่าว CNN
“เราไม่สามารถพาเขาออกไปด้วยรถไฟได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะชักหรือเกิดอาการโมโห และบางครั้งที่เขาอยากเข้าห้องน้ำ เขาก็ไม่ได้บอกออกมา เราเลยไม่สามารถปล่อยเขาไว้คนเดียวได้แม้แต่นาทีเดียว” เธอเล่าต่อว่า เธอและครอบครัวไม่สามารถเข้าไปหลบที่หลุมภัยได้ด้วยซ้ำ เมื่อการปะทะขึ้น ส่วนใหญ่ทั้งครอบครัวจึงต้องเข้าไปหลบในห้องน้ำแทน
ขณะที่ครอบครัวของ Vova เลือกที่จะไม่เสี่ยงออกเดินทาง Daryna Chuiska และ Vika ลูกสาววัย 10 ขวบของเธอ ซึ่งมีอาการของภาวะสมองพิการและโรคหอบหืดกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายจากการตัดสินใจออกจากบ้านเพื่ออพยพไปประเทศข้างเคียง
“Vika ไม่ได้รับการรักษามานานมาก และอาการของเธอกำลังทรุดลงอย่างมาก” Chuiska กล่าวกับสำนักข่าว CNN ถึงอาการในภาพรวมของลูกสาวต่อว่า “เธอเริ่มเดินแล้วล้ม กล้ามเนื้อขาของเธอเริ่มไม่พัฒนาเท่าที่ควร และตอนนี้เธอเริ่มมีอาการเจ็บขาแล้ว”
แม่ของ Voka เล่าว่า เธอได้พูดคุยกับครอบครัวหนึ่งในเยอรมนีเรียบร้อยแล้วว่าจะฝากให้ดูแล Voka อย่างไรก็ตาม การเดินทางจากยูเครนเพื่อไปเยอรมนียังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับ Voka อยู่ดี เพราะทั้งคู่ต้องเดินทางเป็นระยะทางไกล และ Voka ยังมีอาการแพ้ขนแมวอย่างรุนแรง ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟหรือรถบัสเป็นเรื่องที่ยากและอันตรายสำหรับเธอขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังมีบางช่วงที่สองแม่ลูกต้องหลบภัยอยู่ในห้องใต้ดินเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งทำให้ Vika เริ่มมีอาการไอแห้ง หายใจติดขัด และกลับมามีอาการชักอีกครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดที่เธอมีอาการนี้คือตอน 5 ขวบ
“มันยังมีอีกทางหนึ่งที่เราจะข้ามชายแดนคือ เราต้องเดินเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แต่มันไกลเกินไปสำหรับ Voka” แม่ของเธอกล่าว จนถึงตอนนี้หญิงสาวทั้งสองยังคงอยู่ใกล้กับชายแดน และมองหาทางที่จะหนีไฟสงครามให้เร็วและปลอดภัยที่สุด
องค์กรการกุศล Z teplom u sertsi ซึ่ง Komarenko เป็นผู้อำนวยการและทำหน้าที่สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างครอบครัวของผู้มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญา เธอเปิดเผยว่ามีเพียงแค่ 20 – 50 ครอบครัวจากทั้งหมด 1,247 ครอบครัวเท่านั้นท่ีสามารถหนีออกจากกรุงเคียฟ ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามตอนนี้ได้
ขณะที่ทางด้าน European Disability Forum ประเมินว่ามีผู้บกพร่องทางร่างกายและสติปัญญาทั้งหมด 2.7 ล้านคนในยูเครน ขณะที่องค์กร Inclusion Europe ระบุว่า มีชาวยูเครนประมาณ 261,000 รายที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเปราะบางอย่างมากต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
อ้างอิง:
https://edition.cnn.com/2022/03/11/europe/disability-ukraine-russia-invasion-intl-cmd/index.html