ไม่นานมานี้มีข่าวว่า อีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla และ SpaceX เพิ่งจะเสนอซื้อบริษัททวิตเตอร์ (Twitter) ด้วยมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
แม้เราจะเริ่มได้ยินข่าวของ อีลอน มัสก์ กับทวิตเตอร์มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน แต่เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ 31 มกราคม ค.ศ.2022 เมื่ออีลอนเริ่มซื้อหุ้นทวิตเตอร์แบบเงียบๆ จนถือหุ้นราว 5% ในเดือนมีนาคม ค.ศ.2022 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ อีลอน มัสก์ ควรจะแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) แต่เขากลับไม่ได้แจ้งภายในเวลาที่กำหนด
จนกระทั่ง 4 เมษายน ค.ศ.2022 ได้มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการว่า อีลอน มัสก์ ถือหุ้นทวิตเตอร์ถึง 9% ก่อนจะตามมาด้วยโพลที่เขาตั้งคำถามในทวิตเตอร์ว่า “อยากให้ทวิตเตอร์มีปุ่มแก้ไข (edit) หรือเปล่า?” จนกลายเป็นกระแสอยู่พักใหญ่ แต่หลังจากนั้นไม่นานแอคเคาต์ Twitter Comms ได้ออกมาตอบโต้ว่า ทางทวิตเตอร์มีแพลนเรื่องการทำ ‘ปุ่มแก้ไข’ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2021 แล้วโดยไม่เกี่ยวอะไรกับ อีลอน มัสก์ เลยสักนิด
เรื่องราวยังไม่จบลงเท่านั้น เมื่อ อีลอน มัสก์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้ซีอีโออย่าง Parag Agrawal ชวนเขามาเข้าร่วมในบอร์ดบริหาร พร้อมเงื่อนไขว่า อีลอน มัสก์ ต้องไม่ซื้อหุ้นทวิตเตอร์เกิน 14.9% แต่ อีลอน มัสก์ ปฏิเสธในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.2022
สองวันต่อมา หนึ่งในนักลงทุนของทวิตเตอร์ได้ยื่นฟ้องอีลอนที่ไม่ได้รายงานเรื่องการซื้อหุ้นต่อ SEC อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่ขณะที่ประเด็นนี้เพิ่งจะถูกพูดถึงได้ไม่นาน อีลอนกลับประกาศยื่นข้อเสนอซื้อทวิตเตอร์ทั้งบริษัท ในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท พร้อมบอกว่าจะนำทวิตเตอร์ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และหากทางทวิตเตอร์ปฏิเสธ เขาจะพิจารณาตำแหน่งของตัวเองในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรสำหรับทวิตเตอร์
อย่างไรก็ตาม อีลอน มัสก์ กลับบอกว่าข้อเสนอนี้มาจากการมองเห็นศักยภาพอันโดดเด่นของทวิตเตอร์ และต้องการสนับสนุนเสรีภาพทางการพูด (free speech) ของผู้คน ซึ่งต่อมาทวิตเตอร์ได้ใช้กลยุทธ์ poison pill ที่ให้สิทธิผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ได้ซื้อหุ้นใหม่ในราคาถูกลง เพื่อป้องกันการ takeover ของ อีลอน มัสก์ โดจเมื่อจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น (จากหุ้นใหม่) สิทธิ์ในการที่เขาเคยเป็นเจ้าของก็จะน้อยลง ทำให้อีลอนมีต้นทุนการเป็นเจ้าของทวิตเตอร์ที่สูงขึ้น เพราะต้องซื้อหุ้นมากขึ้น โดยหลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่ามหากาพย์การเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ของ อีลอน มัสก์ จะเป็นอย่างไรต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก