ในประเทศอย่างอังกฤษ แม้จะมีสถาบันกษัตริย์มาอย่างยาวนาน แต่ประชาชนก็สามารถพูดถึงสถาบันได้อย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับ YouGov บริษัทรายใหญ่ ก็ได้ทำโพลเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์มาอย่างสม่ำเสมอ และล่าสุดก็พบว่า มีคนอังกฤษจำนวนมากขึ้นอีกแล้ว ที่ต้องการล้มล้างระบอบ เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ
ผลการสำรวจของ YouGov ที่ได้ไปสอบถามประชากรวัยผู้ใหญ่จำนวน 1,754 คนในสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.-2 พ.ค. 2565 พบว่า มีประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 27% หรือมากกว่า 1 ใน 4 ที่บอกว่าต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ขณะที่ประชากรที่ยังต้องการให้รักษาสถาบันไว้ มีจำนวน 60%
หากแบ่งตามช่วงอายุ จะพบว่า คนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนต้องการล้มล้างสถาบันมากที่สุด กล่าวคือ กลุ่มอายุ 18-24 ปี มีถึง 40% ที่เห็นด้วยกับการล้มระบอบ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดหลั่นกันไป โดยที่กลุ่มอายุ 65+ ปี ต้องการล้มระบอบแค่ 16%
เช่นเดียวกับฝ่ายสนับสนุน จะพบว่า กลุ่มอายุ 18-24 ปี สนับสนุนสถาบันน้อยที่สุด อยู่ที่ 37% จากนั้นการสนับสนุนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนอายุ เช่น กลุ่มอายุ 65+ ปี ที่สนับสนุนมากถึง 79%
สำหรับผลสำรวจครั้งนี้ แกรม สมิธ ตัวแทนจากกลุ่ม Republic ที่รณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบเป็นสาธารณรัฐ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากดูจากผลโพลที่ผ่านมาในช่วง 10 ปี จะพบว่าคนที่สนับสนุนสถาบันมีน้อยลงเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยมีอยู่ 70-75% ปัจจุบันก็ลดลงเหลือเพียง 60% แล้ว
สมิธยังชี้ให้เห็นว่า สถาบันกษัตริย์ในอังกฤษยึดติดกับตัวบุคคลมากเกินไป นั่นคือ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งนี่คือ “ปัญหาใหญ่สำหรับราชวงศ์” เพราะในอีกไม่กี่ปี หากไม่มีพระองค์อยู่ ภาพลักษณ์ของสถาบันก็จะต้องสั่นคลอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขาแถลงทิ้งท้ายอย่างมั่นมกมั่นใจด้วยว่า “ในระยะเวลาเร็วกว่าที่คนคาดคิดไว้ คนที่ต้องการล้มล้างระบอบกษัตริย์จะต้องกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแน่นอน”
อ้างอิงจาก
https://www.republic.org.uk/more_than_1_in_4_want_monarchy_abolished_with_support_at_just_60
https://docs.cdn.yougov.com/mzho6zm7ps/Republic_Results_220502_W.pdf