นับจากวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ก็เดือนกว่าแล้วที่เกิดเหตุน้ำท่วมเขตลาดกระบังอย่างหนัก จน กทม.ต้องประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย แม้ตอนนี้น้ำจะแห้งสนิท แต่ประชาชนก็ยังไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าเรื่องเงินเยียวยา ขณะที่ทางสำนักงานเขตระบุว่า อยู่ในระหว่างประชุมเรื่องเกณฑ์การมอบเงิน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 โดยมีพื้นที่ลาดกระบังที่ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย รวม 6 แขวง ได้แก่ แขวงลาดกระบัง แขวงคลองสามประเวศ แขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงลำปลาทิว แขวงทับยาว และแขวงขุมทอง
แต่เวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เงินเยียวยาเป็นอย่างไรบ้าง? สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตลาดกระบัง กล่าวว่า ตอนนี้ยังติดปัญหาเรื่องความชัดเจนในหลักเกณฑ์เรื่องการประสบภัย เพราะหลักเกณฑ์เดิมเป็นเรื่องของไฟไหม้ ไม่ตอบโจทย์กับเรื่องน้ำท่วม
“ในหลักเกณฑ์กำหนดว่า ต้องน้ำท่วมอย่างน้อย 7 วัน คำถามคือ ถ้า 6 วันก็ไม่เข้าเกณฑ์ใช่ไหม อีกข้อคือ เขาบอกว่าประชาชนต้องไปแจ้งความก่อน แต่ในเมื่อลาดกระบังประกาศเป็นพื้นที่อุทกภัยแล้วเจ้าหน้าที่ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจุดไหน ซอยไหนน้ำท่วมบ้าง ทำไมต้องให้ประชาชนเดือดร้อนไปแจ้งความเพิ่ม”
ประเด็นต่อมาคือ เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เสียหายจากน้ำท่วมในตอนนี้ ยังไม่เข้าเกณฑ์ความเสียหาย เพราะในหลักเกณฑ์กำหนดว่าต้องเป็น ‘โครงสร้าง’ ซึ่งเป็นคำที่กำกวมและไม่ชัดเจน
ด้วยหลักเกณฑ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ ทำให้จนถึงตอนนี้ ประชาชนในเขตลาดกระบังซึ่งเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อเดือนก่อน ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด
ขณะที่ ธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง เล่าว่า ได้พิจารณาเรื่องเกณฑ์เยียวยาเบื้องต้นในรอบแรกกับผู้ที่ทำการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ไปแล้ว โดยผู้ที่ทำประมงและได้พิจารณารอบแรกมี 47 ราย วงเงินราว 2 ล้านบาท ผู้ที่ทำการเกษตรมี 8 ราย วงเงินราว 80,000 บาท และวันนี้ (26 ตุลาคม) ก็จะประชุมกับผู้ทำปศุสัตว์ รวมถึงเกษตรกรและชาวประมงที่ตกหล่นในรอบแรกเพิ่มเติม
“ส่วนของบ้านเรือนประชาชน จะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กำหนด ส่วนเกณฑ์หลักๆ เลยผมก็ดูแล้วค่อนข้างที่จะรัดกุมมาก ในเรื่องเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็คงไม่ได้ ก็จะดูในเรื่องของตัวโครงสร้างเป็นหลัก แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นพิจารณาว่าจะมีความชัดเจนแค่ไหน”
นั่นแปลว่า หากเฟอร์นิเจอร์เสียหายจากการถูกน้ำท่วม ก็อาจจะไม่สามารถนำมาคิดคำนวณเพื่อขอการเยียวยาได้ หรือถ้าน้ำท่วมบ้านเรือนของประชาชนในจำนวนวันที่ ‘น้อยกว่า’ ตามเกณฑ์กำหนด ก็อาจจะไม่ได้รับเงินเยียวยาเช่นกัน
นอกจากนี้ เมื่อถามว่าประชาชนก็ต้องเป็นผู้ไปแจ้งที่สำนักงานเขตว่าที่บ้านของตนประสบปัญหาน้ำท่วม ธนะสิทธิ์ก็กล่าวว่า “ใช่ เราไม่เดินเข้าไปเองอยู่แล้ว เพราะกำลังเราไม่พอ บางพื้นที่เราก็จะตั้งจุดรับแจ้งที่เขต และรับแจ้งเป็นจุดๆ ไป เช่น ที่วัดต่างๆ ประมาณ 5-6 จุดในแต่ละแขวง”
สำหรับใครที่ยังไม่ได้แจ้งว่าประสบภัย ผอ.เขตลาดกระบังระบุว่า ให้ไปแจ้งที่สำนักงานเขตได้ โดยเบื้องต้นกำหนดเวลาให้แจ้งภายใน 90 วัน หลังจากที่มีการประกาศภัยพิบัติ
ส่วนเรื่องกำหนดเกณฑ์จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่นั้น ผอ.เขตตอบว่า ต้องรอการประชุมพิจารณาก่อน แล้วค่อยมาดูว่าสามารถที่จะพูดคุยหรืออุทธรณ์ได้ไหม
ลาดกระบังเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่น้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง แต่ในปีนี้ พื้นที่ลาดกระบังเจอน้ำท่วมหนัก และแม้ช่วงที่ฝนตกหนักจะผ่านพ้นมาแล้ว แต่เรื่องของการเยียวยาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามกันต่อไป เพราะไม่เพียงแต่ลาดกระบังเท่านั้นที่จะต้องใช้เกณฑ์เยียวยานี้ แต่ทุกพื้นที่ในประเทศเองก็เช่นกัน
อ่านบทความเรื่องน้ำท่วมลาดกระบังได้ที่นี่