ผ่านมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ วันนี้ (17 พฤศจิกายน) ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ออกมาแล้ว หลังให้ประชาชนลงคะแนนได้ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งพรรคที่ได้ชัยชนะในสภาล่างไปก็คือ รีพับลิกัน ด้วยจำนวนที่นั่ง ส.ส. 221 ที่นั่ง มากกว่ากึ่งหนึ่ง (218 ที่นั่ง) ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งในสภาไป 214 ที่นั่ง
การที่พรรครีพับลิกันยึดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะทำให้เกิดการจัดสมดุลของอำนาจใหม่ในวอชิงตัน และคาดว่าจะทำให้พรรครีพับลิกันยับยั้งวาระของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ในช่วง 2 ปีที่เหลือของตำแหน่งประธานาธิบดีได้อย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น
อธิบายเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ นี้ จะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปี และเป็นการเลือกตั้งที่จะชิงตำแหน่งสมาชิสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และผู้ว่าการรัฐ
ที่ต้องจับตากันมากที่สุด คือที่นั่งของ ส.ส. ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 435 ที่นั่ง พรรคที่สามารถครองที่นั่งได้มากกว่ากึ่งหนึ่ง หรือก็คือ 218 ที่นั่ง จะเท่ากับว่า สามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ และจะส่งผลต่อการออกนโยบายของรัฐบาล เสถียรภาพของรัฐบาล ทั้งยังเป็นการวัดคะแนนเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งถัดไปด้วย
ส่วนการเลือกตั้ง ส.ว.นั้น ในครั้งนี้มีการเลือกตั้ง ส.ว. 35 ราย จากทั้งหมด 100 ราย คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนที่นั่งในวุฒิสภา ซึ่ง ส.ว.จะมีวาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี และการเลือกตั้งนี้ก็มาจากการครบวาระของ ส.ว.บางส่วนที่ต้องครบวาระในการเลือกตั้งทุก 2 ปี
ดังนั้นแล้ว แม้ว่านี่จะไม่ใช่การเลือกตั้งใหญ่ แต่เลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ถืออีเวนท์สำคัญทางการเมืองโลก ซึ่งที่ผ่านมาพรรครีพับลิกันจะได้ครองที่นั่ง ส.ส.ในสภาเป็นส่วนมาก เว้นแต่ในปี 2018 ยุคสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่พรรคเดโมแครตสามารถคว้าที่นั่งของ ส.ส.ในสภามาเป็นเสียงข้างมากได้ และเมื่อปี 2020 ที่ไบเดนได้เป็นประธานาธิบดี พรรคเดโมแครตก็ยังได้ที่นั่ง ส.ส.เสียงข้างมากอยู่ แต่ก็มากกว่าแค่เพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น
ส่วนผลของชัยชนะที่พรรครีพับลิกันคว้ามาได้ในครั้งนี้ ก็อาจทำให้ทรัมป์รอดพ้นจากการสอบสวนในหลายคดี หนึ่งในนั้นคือคดีปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนบุกรัฐสภาเมื่อปี 2021 เพื่อเป็นการเปิดทางให้ทรัมป์ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้าได้
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ผลคะแนนที่ไม่ได้สะท้อนความนิยมที่ตกลงในตัวไบเดน และพรรคเดโมแครตมากขนาดนั้น และฝ่ายรีพับลิกันเองไม่ได้รับคะแนนเสียงเท่าที่คาดไว้ ถึงอย่างนั้น ฝ่ายไบเดนเองก็จะทำงานได้ยากขึ้น และเจอกับการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจหน้าคูหา ประชาชนสนใจเรื่องใดที่เป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกผู้สมัคร พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 32% บอกว่าเป็นเรื่องเงินเฟ้อ, 27% เรื่องการทำแท้ง, 12% เรื่องนโยบายควบคุมอาวุธปืน, 12% อาชญากรรม และอีก 10% เรื่องผู้อพยพ
อ้างอิงจาก