หลังจากทำโลกฮือฮาด้วยการเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัทผู้สร้างจากซานฟรานซิสโก ซึ่งก็คือ OpenAI ก็ได้ประกาศเปิดตัวแชตบอตเวอร์ชั่นใหม่ เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) ภายใต้ชื่อ GPT-4
“เราได้สร้าง GPT-4 หมุดหมายล่าสุดของความพยายามของ OpenAI ในการพัฒนาการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) GPT-4 คือโมเดลหลายโหมด (multimodel) ขนาดใหญ่ (ซึ่งรับอินพุตทั้งภาพและตัวอักษร และผลิตเอาต์พุตออกมาเป็นตัวอักษร)
“ซึ่งในขณะที่ยังไม่มีความสามารถเท่ามนุษย์ในสถานการณ์จริงหลายๆ สถานการณ์ แต่ก็แสดงให้เห็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ระดับเดียวกับมนุษย์ในการทดสอบทางด้านวิชาชีพและวิชาการหลายๆ ชนิด” บริษัท OpenAI ระบุในการเปิดตัว GPT-4
โดยในช่วงแรกนี้ GPT-4 จะใช้ได้สำหรับสมาชิก ChatGPT Plus ซึ่งต้องจ่ายเงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 690 บาทต่อเดือนในการใช้บริการ
นับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แชตบอตนี้ก็มีผู้ใช้หลักหลายล้ายคนแล้ว โดยสำหรับ GPT-4 คนทั่วไปจะได้ใช้ผ่านแชตบอต ChatGPT ของบริษัท ในขณะที่ภาคธุรกิจจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปสอดรับกับระบบต่างๆ ทางธุรกิจ เช่น ซอฟต์แวร์หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และในขณะนี้ ก็มีผู้ใช้บางกลุ่มที่สามารถใช้งานผ่าน Bing ด้วยเช่นกัน
แล้ว GPT-4 ทำอะไรเพิ่มขึ้นได้บ้าง? เว็บไซต์ OpenAI ระบุว่า
- GPT-4 จะให้ข้อมูลที่แม่นยำ ชัดเจน และเข้าใกล้ผู้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น และยังสามารถทำงานทางด้านเทคนิคหรือเชิงสร้างสรรค์ได้เหมือนเดิม เช่น เขียนเพลง เขียนบทภาพยนต์
- GPT-4 จะสามารถรับอินพุตได้ทั้งภาพและตัวหนังสือ โดยมีเอาต์พุตเป็นตัวหนังสือ เช่น เขียนอธิบายภาพ จัดหมวดหมู่ หรือวิเคราะห์ภาพ
- GPT-4 จะทำข้อสอบเก่งขึ้น เช่น ทำข้อสอบเนติบัณฑิตสหรัฐฯ ติดท็อป 10% (จากที่ ChatGPT ติดท็อปโหล่ 10%) ทำข้อสอบ SAT ได้ 1,300 คะแนน และสอบแข่งขันโอลิมปิกชีววิทยา (Biology Olympiad) ได้เปอร์เซ็นไทล์ที่ 99 (ChatGPT ได้แค่ 31)
- GPT-4 มีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ อาทิ Duolingo เรียนภาษาผ่านบทสนทนาที่ลุ่มลึกขึ้น หรือ Be My Eyes อธิบายภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี The New York Times รายงานว่า GPT-4 ก็ยังมีข้อด้อยอยู่ เช่น คุยถึงอนาคตไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ และยังคง ‘เพ้อเจ้อ’ หรือ ‘hallucinating’ อยู่บ้าง หมายความว่า บางครั้งแชตบอตจะสร้างข้อมูลหรือเรื่องราวขึ้นมาเอง
อ้างอิงจาก