เหนี่ยน เนี้ยนน ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมดคาเฟ่ เมื่อน้องเมดที่เป็นผู้สร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า กลับได้ค่าแรงที่บางคนก็มองว่าไม่เหมาะกับภาระงานที่ต้องทำ
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนทีผ่านมา หลังจากมีผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์คลิปของรายการเทพลีลา ที่ไปเที่ยวในร้านเมดคาเฟ่ (maid cafe) แห่งหนึ่ง ก็มีคนออกมาแชร์ว่า แม้พนักงานที่เป็นเมดในร้านจะต้องทำทั้งเอนเตอร์เทน ต้อนรับลูกค้า และพูดภาษาต่างประเทศได้ ทว่า ค่าแรงเริ่มต้นของเมดก็เริ่มต้นที่ 50 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้น
ทาง The MATTER จึงได้ติดต่อหาขนมปัง อดีตพนักงานเมดคาเฟ่แห่งหนึ่งในไทย เพื่อสอบถามรายละเอียดดังกล่าว
ขนมปังเล่าให้ฟังว่า ร้านเมดที่เธอเคยทำจะมีระดับขั้นในการทำงาน เริ่มจากระดับที่ได้ 50 บาทต่อชั่วโมง แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละ 10 บาท จนถึงระดับ 100 บาท แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่เพียงแค่ 50-60 บาทเท่านั้น โดยพนักงานที่ได้เรทราคา 50-60 บาท ก็จะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
ส่วนชั่วโมงในการทำงาน ขนมปังกล่าวว่า ใน 1 วัน สามารถทำงานได้ 1 กะ หรือ 6 ชั่วโมง (300 บาทต่อวัน) และต้องลงกะให้ได้ 5 วันต่อสัปดาห์ มิเช่นนั้น ก็อาจจะถูกตัดค่าแรง เช่นถูกลดจาก 60 บาทเป็น 50 บาทต่อชั่วโมงแทน ซึ่ง บางครั้งถึงแม้เมดจะลงตารางไป 5 วัน แต่ถ้าบริษัทไม่ให้ทำงาน ก็จะถือว่าทำงานได้ไม่ครบ 5 วัน จนถูกลดค่าแรงอยู่ดี
ขนมปังระบุว่า ก่อนหน้านี้ค่าแรงเริ่มต้นอยู่ที่ 40 บาทต่อชั่วโมง และเพิ่งปรับค่าแรงขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว เป็น 50 บาทต่อชั่วโมง โดยเธอมองว่าค่าแรง 50 บาท ก็ถือว่ามากกว่าที่อื่น แต่เมื่อเทียบกับภาระงานที่ต้องรับผิดชอบก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก
ในการทำงานแต่ละครั้ง ขนมปังเล่าว่าทุกคนต้องแต่งตัวให้เสร็จก่อนเข้างาน ไม่เช่นนั้นก็จะถือว่าสาย แล้วโดนหักนาทีละ 1 บาท พอแต่งตัวเสร็จ ก็ต้องออกมาทำความสะอาดก่อนร้านเปิด 1 ชั่วโมง จึงจะเริ่มต้อนรับลูกค้า เสิร์ฟอาหาร โดยยังมีข้อกำหนดว่าจะต้องเต้นได้อย่างน้อย 1 เพลง เป็นพิธีกร คุยกับลูกค้า ต้องจำบทเป็น 10 หน้า เก็บโต๊ะ ทำความสะอาด ทั้งหมดในสโคปเงิน 50 บาทต่อชั่วโมง หรือถ้าอยู่กะช่วงเย็น ก็ต้องเก็บร้านก่อนจะเลิกงานอีกเช่นกัน
ขนมปังยังระบุอีกว่า จะมีเมดอีก 1 คนที่ทำหน้าที่ซิสเตอร์ นอกจากเสิร์ฟ ดูแลลูกค้า ทำหน้าที่ตามปกติแล้ว ก็ยังต้องคอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องเงินและความเรียบร้อยในกะนั้นด้วย เป็นแคชเชียร์ ปิดยอด รายงานบัญชีให้ร้าน ซึ่งไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องอยู่ระดับไหนถึงจะทำงานตรงนี้ แต่ถ้าเงินหายหรือเงินไม่ครบก็ต้องรับผิดชอบ
อีกทั้ง ในการทำงานเป็นเมด ขนมปังก็ระบุว่าไม่สามารถนั่งได้ นอกจากตอนแอบพักกินข้าวประมาณไม่เกิน 30 นาที แต่ถ้างานยุ่งมากก็จะไม่ได้กินข้าวเลย
“ทุกคนเต็มใจจ่ายค่าอาหารและค่าเซอร์วิสชาร์จที่แพง เพราะอยากได้เซอร์วิสจากน้องเมด แต่ว่าค่าเซอร์วิสชาร์จไม่เข้าน้องเมดสักบาท…คนชอบสั่งไลฟ์ สั่งเชกิ (รูปถ่ายโพลารอยด์คู่กับเมด) สั่งเมนูประจำตัว [ของเมด] แต่ละคน เพราะคิดว่าเมดจะได้ส่วนแบ่ง แต่จริงๆ ไม่ได้เลย”
ส่วนสาเหตุที่เมดไม่ได้ค่าเซอร์วิสชาร์จ ขนมปังก็เล่าว่า บริษัทบอกว่าเงินส่วนนั้น ถูกนำไปเป็นค่าข้าว ค่าผ้าอนามัยส่วนกลาง ค่ายูนิฟอร์มที่อ้างว่าตัดมาจากญี่ปุ่น ค่าเบิกประกันกรณีบาดเจ็บ “ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามา ควรเป็นสวัสดิการ”
อีกทั้ง ค่าบริการอื่นๆ หรือไอเท็มต่างๆ ที่เมดมักบอกกับลูกค้าให้ช่วยซื้อ ก็เป็นเพราะหากขายได้เกินจำนวนที่บริษัทกำหนดต่อเดือน ก็จะได้เปอร์เซ็นต์จากยอดนั้น และบางครั้งถ้าทำยอดได้น้อย บริษัทก็จะมากดดันว่าให้ทำยอดมากกว่านี้
รวมไปถึง ไอเท็มต่างๆ ที่เป็นรูปของเมด ขนมปังก็เล่าว่าตัวเมดไม่ได้ค่าลิขสิทธิ์ใดๆ ทั้งยังไม่ได้ไอเท็มต่างๆ มาเก็บไว้เองด้วย นอกจากจะมีคนซื้อให้หรือซื้อเก็บเอง
นอกจากนี้ ในการทำงาน ขนมปังก็เล่าว่าร้านจะให้ยูนิฟอร์ม 1 ชุด แต่ยังไม่รวมสุ่ม กางเกงฟักทอง ถุงเท้า รองเท้า หรือเครื่องประดับที่เมดทุกคนต้องซื้อเองเพื่อให้ตรงกับคาแรกเตอร์
“เราก็เคยถามเขา [บริษัท] นะว่าทำไมเขาถึงไม่มีงบส่วนนี้ให้ เพราะมันคือสิ่งจำเป็นที่จะต้องซื้อ เป็น 1 ในเครื่องแบบของเขา เขาก็อ้างว่า มันคือของใช้ส่วนตัว เพราะฉะนั้นเราต้องจ่ายส่วนนี้เอง…ซึ่งพอเราถามว่าไม่ใช้กางเกงฟักทองได้ไหม ใช้เป็นกางเกงซับในทั่วไปได้ไหม แต่เขาก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะนี่เป็นกฎ แต่เราต้องไปซื้อเอง” ขนมปังระบุ
ค่าสุ่มหรือกางเกงฟักทอง ขนมปังก็กล่าวว่าส่วนใหญ่ เมดจะซื้อกันอยู่ที่ 300-500 บาท สอดคล้องกับคลิปที่ร้านเมดคาเฟ่แห่งหนึ่งเคยโพสต์บน TikTok ถึงราคาของใช้ต่างๆ ที่เมดซื้อมาเพื่อใช้ในการทำงาน ก็พบว่า รวมๆ แล้วมีตั้งแต่ราคาหลักพันจนถึงหลักหมื่น
อย่างไรก็ดี ทาง The MATTER ก็ได้โทรไปสอบถามบริษัทเมดคาเฟ่เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวเช่นกัน
ประเด็นแรก เรื่องการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายไอเท็มต่างๆ ภายในร้าน ที่ระบุว่าพนักงานต้องขายไอเท็มให้ได้เกิน 5,000 จึงจะได้ส่วนแบ่ง ทางบริษัทก็ระบุว่าตอนนี้ ได้ปรับตัวเลขดังกล่าวลงมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเท่าไร
ประเด็นต่อมา คือค่าแรงกับภาระงานของเมดแต่ละคน บริษัทระบุว่าปัจจุบัน เมดได้ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาท ซึ่งปรับขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว สอดคล้องกับข้อมูลที่ขนมปังเล่าให้ฟัง แต่จะมีการปรับขึ้นอีกหรือไม่ บริษัทก็ระบุว่าต้องคุยกันอีกที
ส่วนเรื่องภาระงาน บริษัทแจ้งว่า “มันก็งานบริการปกติทั่วไป” เพราะถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ ก็ถือว่าราคานั้นเป็นเรทที่สูงกว่าที่อื่น อีกทั้งพื้นฐานของงานก็เหมือนกัน มีคิดเงิน เอนเตอร์เทน เช่นเดียวกับร้านอาหารทั่วไป
ประเด็นต่อมาคือค่าเซอร์วิสชาร์จที่มีข้อสงสัยว่าทำไมเมดจึงไม่ได้ส่วนแบ่งตรงนี้ บริษัทก็ระบุว่า “เราจะมียอดประจำเดือนของบริษัท อาจจะชี้แจงไม่ได้…ตอนนี้ที่เราให้ก็ขึ้นอยู่กับยอดขายด้วย เพราะเราก็มีค่าหลายอย่างให้น้องเพิ่ม เช่นค่าข้าว ค่าอะไรอย่างนี้ [ยอดจากการขายไอเท็มต่างๆ ] ก็ได้ตามยอดขายที่ได้ แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะเป็นข้อมูลภายใน”
ประเด็นสุดท้าย คือเรื่องของค่าอุปกรณ์แต่งตัวที่เมดต้องซื้อเอง บริษัทกล่าวว่า ยูนิฟอร์มดังกล่าวก็เหมือนกับเครื่องแต่งกายทั่วไปที่ต้องแต่งให้ตรงตามคาร์แรกเตอร์ แตกต่างกันไปตามแต่ละคน
ส่วนกางเกงฟักทองที่ขนมปังอ้างถึงว่าต้องซื้อ บริษัทก็แจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ ไม่ได้บังคับ
“เรามีชุดให้ แต่รองเท้าหรือถุงเท้าก็ต้องซื้อเอง เหมือนเวลาทำงานแล้วมียูนิฟอร์มให้ พนักงานก็ต้องซื้อรองเท้าเอง เป็นเรื่องปกติ” บริษัทระบุ
อ้างอิงจาก