‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นตอบข้อพาดพิงในวันนี้ (13 กรกฎาคม) ราว 12.30 น. ระหว่างการอภิปรายหลังเสนอชื่อเพื่อโหวตนายกฯ คนที่ 30 ใน 3 ประเด็น คือ การต่างประเทศ การแบ่งแยกดินแดน และยาเสพติด
สำหรับประเด็นการต่างประเทศ พิธาชี้แจงว่า “ที่พวกเราจะต้องรีบเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเดือนกันยาฯ ที่จะถึงนี้ ก็จะมีการประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก ผมต้องการที่จะเป็นผู้นำของประชาชนทุกคน เพื่อที่จะไปบอกกับโลกว่า ประเทศไทยพร้อมแล้ว และประเทศไทยกลับมาแล้ว ที่จะมีบทบาทที่ดีในเรื่องของนโยบายต่างประเทศ”
เขามองว่า สิ่งที่ผู้นำประเทศต้องทำ คือ การหาจุดสมดุลระหว่างมหาอำนาจในการเมืองระหว่างประเทศแบบใหม่ สามารถเข้าใจได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว และเข้าใจว่า ถ้ามีสงครามปะทุขึ้น ราคาพืชผลทางการเกษตรจะเป็นอย่างไร
“เราจะต้องมีสมดุล เราจะต้องมี balance และเราจะต้องรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะต้องเน้นหลักการความเป็นหนึ่งในสมาชิกของโลกใบนี้คืออะไร และรู้ว่า เราจะเงียบเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าเงียบในทุกเรื่อง และก็ทำให้เราไม่มีน้ำหนักในเวทีการเมืองเลย”
พิธากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ก็ต้องขออนุญาตเรียนไปยังเพื่อนสมาชิกให้สบายใจว่า การแถลงนโยบายกับสหประชาชาติครั้งแรกของผม ‘Thailand is back, and Thailand means business.’ ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์สำหรับประชาชนคนในชาตินี้ และเป็นผลประโยชน์ของชาติที่เราดูแลด้วยเช่นเดียวกัน”
สำหรับประเด็นที่ 2 เรื่องการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พิธายืนว่า “รัฐไทยภายใต้การนำของผู้นำที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประเทศไทยจะเป็นรัฐเดี่ยว และผมจะทำทุกวิถีทาง ผ่านการทูต ผ่านการทำงานของพลเรือน เพื่อที่จะให้ประเทศไทย ให้รัฐไทย เป็นรัฐเดี่ยวที่ก้าวหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความมั่งคั่งทางอาหาร ลดความมั่นคงทางทหาร”
ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องยาเสพติด พิธาระบุว่า “ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาในการนำยาเสพติดเข้ามา ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจัดตั้งทั้ง 8 พรรค ที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ใส่ใจอย่างแน่นอน ผมขอรับประกันได้ครับ”