“หากประสงค์จะคืนความปกติและเคารพเสียงของประชาชนทุกฝ่าย ทางออกต้องไม่ใช่การงดออกเสียงหรือการไม่อยู่ในที่ประชุม แต่หากต้องการคืนความปกติและมีความเป็นกลางทางการเมืองจริง ทางออกของท่าน คือการเห็นชอบกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’”
ท่ามกลางการอภิปรายไม่สนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ด้วยเหตุผลเรื่องมาตรา 112 ในวันนี้ (13 กรกฎาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.ก้าวไกล ลุกอภิปรายโต้ว่าการเสนอแก้ไขไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง และเรียกร้องให้รัฐสภาร่วมโหวตให้แคนดิเดตก้าวไกลเพื่อคืนความปกติให้การเมืองไทย
พริษฐ์ ชี้แจง 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือข้อกล่าวหาว่าก้าวไกลล้มล้างการปกครอง ซึ่งตัวแทน ส.ส.ก้าวไกลยืนยันว่า “การเสนอแก้ไข ม.112 ก้าวไกล เป็นข้อเสนอที่ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครอง และเป็นข้อเสนอที่สอดคล้องกับหลักสากลของประชาธิปไตยอันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข”
ในประเด็นต่อมา พริษฐ์ชี้แจงหลังโดนกล่าวหาว่าพรรคไม่เข้าใจระบบรัฐสภาว่า ก้าวไกลเข้าใจดีว่าเป็นอย่างไร พร้อมตั้งคำถามกลับว่า สมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 750 คนพร้อมจะเคารพเสียงของประชาชนที่เลือกตั้งหรือไม่
“ข่าวร้ายของประเทศไทยและประชาชน 60 ล้านคน คือประเทศเราไม่ได้อยู่ในสภาวะการเมืองที่เป็นปกติ แน่นอนความไม่ปกติมีต้นกำเนิดจาก ม.272 ของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ ส.ว.แต่งตั้ง ร่วมเลือกนายกฯ กับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นการเปิดช่องให้แทรกแซงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลให้ไม่เป็นตามครรลองของประชาธิปไตย” พริษฐ์ กล่าว
ก่อนจะอภิปรายว่า “หากประสงค์จะคืนความปกติและเคารพเสียงของประชาชนทุกฝ่าย ทางออกต้องไม่ใช่การงดออกเสียงหรือการไม่อยู่ในที่ประชุม แต่หากต้องการคืนความปกติและมีความเป็นกลางทางการเมืองจริง ทางออกของท่าน คือการเห็นชอบกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’”
เขาทิ้งท้ายว่า การลงมติให้พิธาเป็นนายกฯ ไม่เท่ากับการไว้วางใจบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการเห็นชอบกับการคืนความปกติให้การเมืองไทย เห็นชอบกับการให้โอกาสประชาธิปไตยเดินหน้าต่อ และเห็นชอบกับการเคารพเสียงประชาชนผ่านการเลือกตั้ง อันเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตยอันมีกษัตริย์เป็นประมุข