วันนี้ (24 สิงหาคม) พรรคก้าวไกล นำโดย เซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ และปีกแรงงานของพรรค เข้ายื่นชุด ‘กฎหมายเปลี่ยนชีวิตแรงงาน’ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.จากพรรคก้าวไกล เริ่มแถลงว่า จากนี้ ก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ซึ่งนอกจากจะตรวจสอบและทักท้วงการทำงานของรัฐบาลแล้ว ก็จะยังทำงานเชิงรุกในการผลักดันวาระ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่เคยนำเสนอต่อประชาชน ผ่านกลไลของสภาผู้แทนราษฎร
โดยหนึ่งในวิธีการเปลี่ยนแปลง ก็คือการผลักดันร่างกฎหมายเข้าสู่สภา ซึ่งพริษฐ์ระบุว่า ถ้ากฎหมายที่เสนอ ได้รับความเห็นชอบจาก สส.100 คนขึ้นไป ก็จะทำให้กฎหมายนั้นได้รับความเห็นชอบ และทำให้นโยบายหลายๆ อย่างที่เคยสื่อสารไว้กับประชาชนสามารถเป็นจริงได้ แม้ว่าก้าวไกลจะไม่ได้มีอำนาจฝ่ายบริหารก็ตาม
ในวันนี้ The MATTER จึงอยากชวนไปดูว่า แล้วร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่เซียลยื่นไปวันนี้ ได้กำหนดหรือเพิ่มเติมสิทธิอะไรให้กับแรงงานบ้าง?
1.ลาคลอด 180 วัน: ได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 90 วัน 100% และประกันสังคมจ่ายค่าแรงอีก 90 วัน โดยพ่อแม่ สามารถแบ่งวันลากันได้
อีกทั้ง ยังกำหนดให้ในสถานที่ทำงานต้องมีพื้นที่ปั๊มนม โดยต้องมีทั้งพื้นที่ที่เหมาะสมและอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อให้คนทำงานสามารถให้นมบุตร หรือบีบเก็บน้ำนมไว้ในที่ทำงาน และสามารถไปปั๊มนมได้ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ในช่วงเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมง
2. ทำงาน 40 ชั่วโมง หรือ 5 วันต่อสัปดาห์: กำหนดให้แรงงานทำงานรวมกันในหนึ่งสัปดาห์ไม่เกิน 40 ชั่วโมง เว้นแต่งานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่รวมกันทั้งสิ้นในหนึ่งสัปดาห์ต้องไม่เกิน 35 ชั่วโมง
3. มีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 2 วัน: ให้นายจ้างจัดให้มีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยว่า 2 วัน โดยวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 5 วัน
4. วันหยุดพักผ่อนประจำปี 10 วันสะสมได้: ให้ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 120 วัน มีสิทธิ์ลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 10 วันทำงาน และกำหนดให้ในปีต่อมานายจ้างอาจกำหนดวันหยุดลาพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่า 10 วันก็ได้
ทั้งนี้ สำหรับลูกจ้างที่ยังทำงานไม่ครบ 120 วัน นายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้าง โดยคำนวณให้ตามส่วนก็ได้
5. ลาไปดูแลผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ 15 วันต่อปี: ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ที่พำนักอยู่ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยที่มีความต้องการดูแลทางร่างกายและจิตใจได้ปีละไม่เกิน 15 วันทำงาน
6. ปรับค่าแรงอัตโนมัติ: ให้คณะกรรมการค่าจ้าง ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อ ตามแต่ว่าอัตราไหนเพิ่มมากกว่า
อีกทั้งยังกำหนดให้เพิ่มอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานและค่าจ้างตามประสบการณ์ โดยเพิ่มให้ไม่น้อยกว่า 1% ต่ออายุงานหนึ่งปีของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้นนั้น
ในกรณีที่ลูกจ้างรับค่าจ้างในอัตรามากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ให้ลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานเพิ่มไม่น้อยกว่า 1% ต่ออายุงานหนึ่งปีโดยคำนวณจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้นนั้น
7. คุ้มครองแรงงานทุกคน: เปลี่ยนบทนิยามคำว่า ‘นายจ้าง’ ให้หมายถึงการจ้างงานด้วยสัญญาต่างๆ และ ‘ลูกจ้าง’ ให้หมายความถึงผู้รับจ้างซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาใดๆ ทั้งลายลักษณ์อักษร หรือไม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร
อีกทั้งยังเปลี่ยนคนงานรายวันเป็นรายเดือน โดยการจ้างงานในสถานประกอบการที่มีการจ้างงานรายวันและรายเดือน ผู้จ้างงานจะต้องจ้างเป็นรายเดือนทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ เว้นแต่ลักษณะการจ้างงานที่มีความเฉพาะ เช่น ภาคเกษตร งานก่อสร้าง หรืองานที่ไม่มีความต่อเนื่อง ก็ให้ใช้ระบบสัญญาจ้างแบบกำหนดระยะเวลา
ทั้งนี้ ในการจ้างงานที่ไม่ใช่รายเดือน ก็ต้องมีการรับรองรายรับไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และให้ได้รับสวัสดิการเท่ากับพนักงานในระบบอื่นของผู้จ้างงาน
รวมไปถึง ยังมีการเพิ่มบทนิยามคำว่าการจ้างงานรายเดือน เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะเป็นงานประจำและเต็มเวลาโดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ซึ่งยังรวมถึงค่าจ้างในวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี และวันลาป่วยตามที่กฎหมายกำหนด โดยหนึ่งเดือน หมายถึงเวลา 30 วัน
นอกจากการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานแล้ว ทางพรรคก้าวไกลก็ยังได้เสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สหภาพแรงงาน อันใหม่ ที่ให้สิทธิแรงงานในการจัดตั้งสหภาพ และ พ.ร.บ.บำนาญพื้นฐาน ที่ให้เบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้า 3,000 บาทอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับมาพิจารณานโยบายด้านแรงงานของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่มี เศรษฐา ทวีสิน ครองตำแหน่งนายกฯ คนปัจจุบันของประเทศไทยแล้ว ก็ยังพบว่า ทางพรรคเพื่อไทยเองก็มีนโยบายหาเสียงด้านแรงงานเด่นๆ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท, จบปริญญาตรี 25,000 บาท รวมถึงการสนับสนุนและให้สิทธิประโยชน์การจ้างงานของผู้สูงอายุ เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ก็เป็นที่น่าจับตามองว่า สวัสดิการและคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยจะเดินไปในทิศทางไหน และแรงงานไทยจะมีสิทธิอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
อ้างอิงจาก