โศกนาฏกรรมตากใบ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 เป็นปีที่เริ่มมีการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทย จนรัฐบาลต้องประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก เพื่อปราบปรามการก่อความไม่สงบ อย่างไรก็ดี ในปีเดียวกันก็เกิดเหตุการณ์โหดร้ายที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งก็คือ เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ตากใบ ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
เกิดอะไรขึ้นที่อำเภอตากใบ?
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2547 เจ้าหน้าที่ ชรบ. ชาวมลายูมุสลิม 6 คนในจังหวัดนราธิวาส แจ้งความต่อตำรวจว่า ปืนของพวกเขาหายไป แต่ตำรวจสรุปว่าอันที่จริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ขโมยอาวุธปืนไป เพื่อนำไปให้กับสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความรุนแรง และได้ดำเนินคดีกับ ชรบ.หลังจากนั้นชาวบ้านประมาณ 2,000 คนได้รวมตัวกันที่ด้านหน้าของสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนกลุ่มนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบ
ระหว่างการชุมนุมประท้วง กองกำลังความมั่นคงพยายามเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ไม่เป็นผล จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจจึงพยายามสลายการชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตา ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนจริง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นผู้ชาย ชาวมลายูมุสลิม ประมาณ 1,370 คน และสั่งให้พวกเขาทุกคนถอดเสื้อ จากนั้นจึงใช้เสื้อผูกมัดมือไว้ด้านหลัง ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้จับตัวผู้ชุมนุมไปควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำที่ค่ายอิงคยุทธบริหารในจังหวัดปัตตานี ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่จับกุมประมาณ 150 กิโลเมตร
ทว่าการขนย้ายผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่บังคับให้พวกเขานอนคว่ำทับซ้อนกันที่ด้านหลังของรถบรรทุกของกองทัพ ซึ่งการขนส่งที่โหดร้ายส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 78 คน จากการกดทับหรือการขาดอากาศหายใจ และหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งอาการตับวาย จนทำให้พิการถาวร
ดังนั้นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) จึงเรียกร้องทางการไทยให้ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดการรับผิดของเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น ดังนั้นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International) จึงเรียกร้องทางการไทยให้ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดการรับผิดของเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อนที่อายุความจะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
นอกจากนี้ ยังเสนอแนะรัฐบาลไทยให้ปฏิรูปกฎหมาย ข้อบังคับ แนวปฏิบัติ และการปฏิบัติของทางการทั้งหลาย เพื่อประกันว่าเจ้าหน้าที่จะคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้กับการชุมนุมสาธารณะที่สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
อ้างอิงจาก