“การยอมรับว่าตัวเองหมดไฟเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเรา”
ปัญหานี้กำลังลามไปทั่วทุกที่บนโลก เมื่ออาชีพ ‘แพทย์’ กำลังตกอยู่ในภาวะเครียด หดหู่ และมีความคิดอยากจบชีวิตตัวเอง เพราะภาระงานที่หนัก พักผ่อนน้อย และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขามักถูกตีตราจากสังคม หากยอมรับว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลือ
เรื่องราวนี้เริ่มต้นจาก จิตแพทย์ชาวสหรัฐคนหนึ่งชื่อว่า เอลิสซ่า เอลี่ (Elissa Ely) อาสาสมัครสายด่วนที่คอยรับสายจากคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านจิตใจ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
“ฉันเคยได้รับสายจากแพทย์แผนกฉุกเฉินหลายคน ที่มักจะโทรมาเล่าว่า พวกเขามักจะอาเจียนก่อนที่จะเข้ากะ และมีภาวะสิ้นหวัง ซึมเศร้า หรือแม้แต่อยากจะจบชีวิตตัวเอง” เอลี่กล่าว
อย่างไรก็ตาม แพทย์ส่วนใหญ่เหล่านี้กลับปฏิเสธคำแนะนำของเธอ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ทั้งหวาดกลัวจากการสูญเสียตัวตน เพราะแพทย์ต้องเป็นผู้ดูแลคนไข้ หรือบางคนกลัวที่จะสูญเสียใบอนุญาต
เธอเสริมว่า “ตอนแรกฉันไม่เข้าใจ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันรู้มาว่าประวัติการรักษาสุขภาพจิตสามารถเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการขอใบอนุญาตเพื่อทํางานกับภาครัฐและสถานพยาบาล” และยังมีรายงานอีกมากมายที่ชี้ว่า แพทย์เป็นอาชีพที่มีความเครียดสูง จนหลายคนเผชิญกับภาวะซึมเศร้าและความเครียดสูง เนื่องจากชั่วโมงทํางานที่มากจนเกินไป ค่าจ้างที่ไม่เพียงพอ และการถูกตีตราจากคนรอบข้างถ้าแพทย์คนๆ หนึ่งยอมรับว่าตัวเองหมดไฟ
จนล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ในภาวะหมดไฟระดับวิกฤต ดังนั้นทั้งผู้คนทั่วไปและผู้ประกอบอาชีพนี้เอง ต่างเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยด่วน เพราะหากแพทย์ไม่ได้รับการใส่ใจ พวกเขามีสิทธิที่จะลาออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกก็น้อยอยู่แล้ว
อ้างอิงจาก