การตรวจสอบประเด็นหมูเถื่อน 161 ตู้ ที่มีจำนวนรวมกว่า 4 ล้าน กก.ยืดเยื้อมากว่า 5 เดือน และยังไม่สามารถจับต้นตอปัญหาได้ ทั้งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ราย
แล้วเรื่องราวหมูเถื่อนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว วันนี้ (28 พฤศจิกายน) The MATTER สรุปไว้ให้
I. หมูเถื่อนคืออะไร?
หมูเถื่อน คือ หมูที่เข้ามาในประเทศโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วยวิธีการบอกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นสินค้าชนิดอื่น ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในห้องเย็น แล้วส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ในลักษณะของหมูแช่แข็งหรือนำไปแปรรูป ส่งผลให้ราคาหมูในตลาดลดลง และผู้เลี้ยงหมูในประเทศไม่สามารถขายหมูได้ตามราคาปกติ
II. ปัญหาหมูเถื่อนเกิดขึ้นได้อย่างไร?
1. ประเด็นนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ที่ประเทศไทยพบการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ทำให้ปริมาณหมูลดลง
เมื่อความต้องการสูง แต่ผลผลิตไม่เพียงพอ ก็ทำให้ราคาหมูในประเทศสูงขึ้น จนเกิดการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศในโซนยุโรป สเปน บราซิล เพราะประเทศดังกล่าวมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และสามารถขายได้ในราคาถูก
สอดคล้องกับข้อมูลจาก น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ระบุว่า ส่วนใหญ่ การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูมักจะมาทางเรือ แล้วจะนำเข้ามาโดยไม่แจ้งกับด่านว่า สิ่งที่นำมาเป็นเนื้อปศุสัตว์ แต่จะนำเข้ามาปนกับสินค้าอื่น เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ เพราะถ้ารายงานว่าเป็นเนื้อหมู ทางหน่วยงานต้องเข้าไปดูว่า เนื้อหมูที่นำมาเป็นของหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตหรือไม่
เมื่อไม่สามารถตรวจสอบได้ น.สพ.สมชวน ก็ยังระบุถึงปัญหาที่ตามมาอีกว่า หากมีการผลิตที่ไม่ถูกสุขอนามัยจะส่งผลให้คนที่ทานเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ท้องเสีย หรืออาจจะมีโรคระบาดที่ติดมากับเนื้อหมูที่ทำให้แพร่ระบาดสู่วัตว์ จนเกิดโรคติดต่อในหมูได้อีกด้วย
2. กรณีหมูเถื่อนเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยข้อมูลจากกรมศุลกากร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการจับกุมการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู และหลีกเลี่ยงศุลกากร ดังนี้
– ปีงบประมาณ 2564 มีการจับกุม 14 ราย น้ำหนัก 236,177 กิโลกรัม
– ปีงบประมาณ 2565 มีการจับกุม 25 ราย น้ำหนัก 431,660 กิโลกรัม
– ปีงบประมาณ 2566 มีการจับกุม 181 ราย น้ำหนัก 4,772,073 กิโลกรัม
3. ประเด็นเรื่องหมูเถื่อนกลับมาเป็นที่พูดถึงในสังคม หลังกรมศุลกากรได้ตรวจยึดซากหมูแช่แข็งตกค้าง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 161 ตู้ โดยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา
กรมศุลกากรเปิดเผยว่าหมูทั้งหมด มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ และมีที่มาไม่ชัดเจน รวมถึงไม่มีเอกสารรับรองการฆ่าสัตว์หรือสุขศาสตร์ของสัตวแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือพาหะของโรคระบาดสัตว์ อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ
4. ต่อมา มีรายงานว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ใช้วิธีสำแดงสินค้านำเข้าเป็นปลาและอาหารทะเล โดยจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร แลกกับการที่เจ้าหน้าที่จะไม่ตรวจสอบสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ทางอธิบดีกรมปศุสัตว์ ยืนยันว่ากรมปศุสัตว์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบการนำเข้าหมูเถื่อนอย่างแน่นอน
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวต่อว่า ผู้นำเข้า สำแดงสินค้าเป็นอาหารทะเล ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว ผู้นำเข้าไม่จำเป็นจะต้องมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์
อธิบดีกรมปศุสัตว์ยังกล่าวอีกว่า เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน และจากการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ผู้ลักลอบนำเข้าไม่สามารถนำซากสัตว์มาเก็บรักษาในห้องเย็นและส่งจำหน่ายได้สะดวก ส่งผลให้มีตู้สินค้าตกค้างในเขตอารักขาของด่านศุลกากรจำนวนมาก
จนกระทั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการโครงการท่าเรือสีขาว เปิดตู้ตรวจสอบสินค้าตกค้าง ณ ด่านศุลกากรแหลมฉบัง ทำให้มีรายงานจากด่านศุลกากรแหลมฉบังว่า พบตู้สินค้าเนื้อหมูและชิ้นส่วนตกค้าง 161 ตู้ ปริมาณซากหมูกว่า 4.5 ล้านกิโลกรัมตามที่ปรากฏอยู่ในสื่อ
5. จากนั้น กรมศุลกากรก็ได้มีหนังสือถึงกองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมไปถึง กรมศุลกากรยังมีหนังสือส่งมอบตู้สินค้าประเภทสุกรแช่แข็งตกค้างให้แก่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี กรมปศุสัตว์ โดยหลังจากการตรวจสอบตู้สินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้น ก็จะนำไป
6. ขณะเดียวกัน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภท ซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดี DSI ในขณะนั้น กล่าวว่า พบการกระทำผิดบุคคลกลุ่มแรก คือ บริษัทชิปปิ้งนำเข้า ซึ่งแจ้งข้อหาแล้ว 5 บริษัท จำนวน 6 ราย
พ.ต.ต.สุริยากล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 บริษัท เมื่อขยายผลสอบสวนพบว่ากลุ่มบริษัทชิปปิ้ง ลักลอบนำเข้ามา ตั้งแต่ปี 2563-2566 ในลักษณะคล้ายกัน 2,836 ตู้ จึงได้แยกเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่ง และพบกลุ่มนายทุนเป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัทชิปปิ้งนำเข้ามาจำนวนมาก
ส่วนอีกกลุ่ม พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า เป็นกลุ่มนายทุนที่สั่งหมูเถื่อนเข้ามา ซึ่ง DSI ออกหมายจับ และต่อมา นายทุนที่ถูกออกหมายจับนี้ ก็เข้าไปมอบตัว ซึ่งทาง DSI ก็มีพยานหลักฐานชัดว่าทั้งคู่มีการส่งเนื้อหมูต่างประเทศเหล่านี้ไปที่ศูนย์กระจายสินค้า พร้อมทั้งจะขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่จำหน่ายหมูไปยังที่ใดบ้าง และจะยังทำให้รู้ว่าขั้นตอนการนำเข้าหมูเข้ามาในประเทศนั้นเป็นอย่างไร ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 ราย
7. เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เคยนำหลักฐานออกมาเปิดเผยว่า บริษัทนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งที่ DSI จับกุม เชื่อมโยงกับบริษัท สยามแม็คโคร เพราะทางแม็คโครเคยซื้อตับหมูแช่แข็ง 25 ตันจากบริษัทดังกล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565
ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ต.ต.สุริยา จาก DSI ก็ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งทางแม็คโครก็ชี้แจงว่า ชี้แจงว่าเป็นคู่ค้ากับบริษัทนำเข้าหมูเถื่อนจริง แต่ทางแม็คโครรับซื้อหมูถูกกฎหมายเท่านั้น
“เรื่องที่แม็คโครสั่งซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัทผู้ค้าบางรายตามที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน ขอใช้เวทีนี้ชี้แจงถึงสาเหตุการต้องนำเข้าเครื่องในหมูและเนื้อหมู”
“เนื่องจากเเม็คโครรับซื้อจากแหล่งผลิตในประเทศไทย 100% เราทราบดีเรื่องกฎหมายและไม่สนับสนุนการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ยืนยันได้ 100% เนื้อหมูก็เป็นเนื้อหมูที่มีแหล่งที่มาจากในประเทศชัดเจน มีใบรับรองการเคลื่อนย้ายจากกรมปศุสัตว์ทุกล็อต ส่วนเรื่องการสั่งซื้อเครื่องในหมู รับซื้อจากผู้ค้าที่ปรากฏเป็นข่าวจริง ผู้ค้าเหล่านี้ตอนนำเข้ามาเป็นการรับซื้อถูกต้องตามกฎหมาย เพราะตรวจสอบทุกล็อตมีเอกสารครบถ้วน เป็นเอกสารจากกรมปศุสัตว์ ทั้งเอกสารใบเคลื่อนย้ายและเอกสารใบนำเข้าทั้งหมด จะเตรียมเอกสารนำเข้าทั้งหมดที่รับซื้อทุกล็อตให้ DSI” ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโครกล่าว
ทาง พ.ต.ต.สุริยา ยังกล่าวด้วยว่า จากที่ดำเนินคดี จับกุมผู้ต้องหาไป 2 คน พบว่าเอกสารที่ผู้ต้องหาใช้ยื่นเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า รายการสินค้าต่างๆ ของผู้ต้องหา นำส่งไปที่ไหนบ้าง โดยหลักฐานตรงนี้ระบุว่า มีการส่งสินค้าตับหมูมายังแม็คโคร เป็นที่มาให้ขอหมายศาลมาขอเอกสาร เบื้องต้นยังไม่ชี้ชัดว่า การรับซื้อของแม็คโครและบริษัทผู้ต้องหาผิดพลาดหรือถูกต้องอย่างไรหรือไม่
ทั้งนี้ ทาง DSI ได้ประสานขอเอกสารจากแม็คโครแล้ว
8. ส่วนความคืบหน้าในคดีพบหมูเถื่อน 161 ตู้ เจ้าหน้าที่ DSI ใช้เวลาปฏิบัติการ 5 เดือน จับกุมผู้ต้องหาในกลุ่มชิปปิ้งแล้ว 10 คน และกลุ่มนายทุน 2 คน ซึ่งได้นำสำนวนส่งฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ซึ่งการขยายผลสอบเพิ่มเติม พบผู้เกี่ยวข้องอีก 10 คน ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐด้วย
9. อย่างไรก็ดี ในวันนี้ เพจเฟซบุ๊ก DSI เผยแพร่ภาพ พ.ต.ต.สุริยา พร้อมข้อความ “วิถีราชการ” ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้ว ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ตนเลือกทางเดินและวิถีตนเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจเพราะทำเต็มที่แล้ว เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่าน
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ได้เสนอแต่งตั้งโยกย้ายให้ พ.ต.ต.สุริยา ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยสำนักข่าวหลายแห่ง ก็มีการคาดการณ์ว่า สาเหตุที่ พ.ต.ต.สุริยา ถูกโยกย้าย ก็มาจากปัญหาการปราบปรามคดีลักลอบนำเข้าหมู ซึ่งก่อนหน้านี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เรียกอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปตำหนิเรื่องการทำงานที่ล่าช้า
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวีชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวในเวลาต่อมาว่า การโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยานั้นไม่เกี่ยวกับประเด็นหมูเถื่อน เพียงแต่มีตำแหน่งที่ว่างลง จึงต้องมีการเปรียบเปลี่ยนและโยกย้ายตำแหน่งเท่านั้น