วันนี้ (3 มกราคม) ในการประชุมสภา ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกลอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 วาระแรก ตั้งคำถามถึงการจัดตั้งงบประมาณของรัฐบาลที่ในตอนนี้ กำลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่งบด้านกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น ทั้งยังไม่พบงบประมาณสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอีกเช่นกัน
เมื่อพิจารณา ‘งบประมาณฉบับประชาชน ปีงบประมาณ 2567’ ที่จัดทำโดยสำนักนายกฯ แล้ว ศิริกัญญาพบว่ามีการระบุ GDP โต 5.4% ซึ่งนี้การเติบโตของ GDP นี้ รวมผลของเงินเฟ้อ ซึ่งปกติจะต้องใช้สูตรที่ไม่รวมผลของเงินเฟ้อ
“เท่ากับว่า รัฐบาลกำลังจะบรรลุเป้าหมาย GDP โตเกิน 5% ในปีแรกโดยการโกงสูตร GDP” ศิริกัญญากล่าว
ศิริกัญญายังตั้งคำถามถึงการตั้งงบประมาณขาดดุลอีกว่า ตามปกติ ในปีที่เกิดวิกฤต จะต้องทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ โดยจะกู้เงินเพิ่มเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป แล้วใช้เม็ดเงินอีกส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่เมื่อศิริกัญญาพิจารณาดูการตั้งงบประมาณ 2567-2570 พบว่ามีงบขาดดุลเท่าเดิมเรื่อยๆ ทุกปี จนไม่สามารถบอกได้เลยว่าปีไหนวิกฤตกันแน่
นั่นจึงทำให้ศิริกัญญาตั้งคำถามต่อไปว่า ทำไมรัฐบาลถึงประมาณการว่าต้องทำงบขาดดุลไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2570 ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเองเคยประกาศไว้ว่าจะทำงบประมาณให้สมดุลภายใน 7 ปี ซึ่งคำว่างบประมาณสมดุลในที่นี้หมายความว่ารัฐบาลจะไม่กู้เลยสักบาท แต่ 4 ปีแรกคือกู้ทุกปี 3.4% เป็นอย่างต่ำ
“มีวิกฤตก็พอว่า แต่มีต่อเนื่องไป 4 ปี ดิฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ศิริกัญญาระบุ
อีกประเด็นสำคัญที่ศิริกัญญาระบุคือ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเรือธงของรัฐบาลอย่าง ดิจิทัลวอลเล็ต ที่ประกาศไปเมื่อพฤศจิกายนว่าจะมี 6 แสนล้านบาท เพื่อทำดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท และทำกองทุนเพิ่มขีดความสามารถนั้น กลับไม่ปรากฏงบดิจิทัลวอลเล็ตในงบประมาณปี 67 แล้วพบงบกองทุนเพิ่มขีดความสามารถก็มีเพียง 1.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
“ก็ต้องลุ้นว่า พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทจะสามารถออกได้หรือไม่” ซึ่งรวมแล้ว ศิริกัญญาระบุว่าจะมียอดกู้ตอนนี้เพิ่มเป็น 5.8 แสนล้านบาท เพื่อทำทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และกองทุกเพิ่มขีดอย่างที่เคยให้สัญญา
ตอนนี้รัฐบาลกำลังฝากความหวังเอาไว้ที่ พ.ร.บ.เงินกู้ฉบับนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่สามารถออก พ.ร.บ.เงินกู้ได้ เท่ากับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะเป็น ‘งบกระตุ้นเศรษฐกิจทิพย์’
นอกจากนี้เมื่อศิริกัญญาพิจารณางบการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 67 ยังมีในด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการผลักดันการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี ในทุกๆ ครั้งที่เกิดวิกฤต ศิริกัญญาระบุว่ากระทรวงกลาโหมจะเสียสละ โดยการตัดลบงบประมาณของตัวเอง เพื่อพยุงเศรษฐกิจของประเทศ แต่ในวิกฤตครั้งนี้ กลาโหมยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้เลย เพราะงบกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น 2%
ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น ศิริกัญญาตั้งคำถามว่าทำไม 6 ยุทธศาสตร์ในการจัดสรรงบประมาณยังเหมือนเดิม ซึ่งเข้าใจได้เพราะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องทำ แต่เมื่อไปดูรายแผนงาน ก็ยังเหมือนเดิมและเพิ่มมา 2 แผนงานใหม่ที่ชื่อเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่าง โดยมีเพียงแค่โครงการใหม่ 236 โครงการ ซึ่งไม่สามารถคาดหวังกับนโยบายที่รัฐบาลสัญญาว่าจะทำภายใน 1 ปีได้เลย
ทั้งนี้ ศิริกัญญาก็อยากจะชวนคิดชวนคุยว่า ถ้าไม่แตะโครงสร้างงบประมาณเลย รัฐบาลก็จะไม่มีทางหลุดพ้นไปจากวังวนนี้ได้ แล้วก็จะไม่สามารถผลักดันภารกิจใดๆ ที่สัญญากับประชาชนเอาไว้