เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) เพิ่งจะสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นศิลปินคนแรกที่ชนะรางวัลAlbum of the Year จากเวที Grammy Awards ได้มากถึง 4 สมัย เป็นการการันตีชั้นดีว่า เธอคือศิลปินที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของโลก และทุกพื้นที่ แวดวง และช่วงเวลา การปรากฏตัวของเธอก็ช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้อย่างมหาศาลยิ่งกว่าเศรษฐกิจของประเทศบางประเทศเสียอีก
บทความหนึ่งใน The Wall Street Journal ใช้ชื่อว่า ‘It’s Taylor Swift’s Economy, and We’re All Living in It’ หรือ ‘มันคือระบบเศรษฐกิจของเทย์เลอร์ สวิฟต์ และเราต่างก็อาศัยอยู่ในนั้น’ ตอกย้ำทั้งความสำเร็จและความสำคัญของศิลปินคนนี้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ในบทความยังมีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเล่นๆ ว่า ‘Taylornomics’ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และอธิบายระบบเศรษฐกิจที่เธอมีส่วนช่วยในการกระตุ้น
“เธอคือพลังอันทรงพลัง” คือคำที่ จูลี คอลเวิร์ต (Julie Calvert) ซีอีโอบริษัทท่องเที่ยวของเมืองซินซินเนติใช้จำกัดความเทย์เลอร์ สวิฟต์ เพราะเมื่อครั้งที่เทย์เลอร์ไปจัดการแสดงที่ชิคาโกและมินนีแอโพลิส ที่พักในทั้ง 2 เมืองต่างถูกจองเต็มทุกห้องแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และที่ซินซินแนติเองก็ไม่ต่างกัน การไปเยือนของศิลปินแนวป๊อบ-คันทรีในวันนั้นสร้างรายได้ให้กับเมืองสูงถึง 48 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1,680 ล้านบาท
และไม่นานมานี้ The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตที่กินระยะเวลากว่าหนึ่งปีของเทย์เลอร์ก็นำไปสู่การใช้จ่ายระดับปรากฏการณ์ ซึ่งไม่เพียงสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับเธอและครอบครัว แต่ยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นไปในตัวด้วย
ปีเตอร์ โคฮาน (Peter Cohan) รองศาสตราจารย์ด้านการจัดการที่ Babson College คาดการณ์ว่า เทย์เลอร์น่าจะได้เงินจากการทัวร์ครั้งนี้ราว 4,100 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 146,000 ล้านบาท ถือเป็นรายได้ที่มากที่สุดเท่าที่ศิลปินจะได้รับจากการออกทัวร์ ซึ่งตัวเลขตรงนี้สูงกว่า GDP ของประเทศกว่า 42 ประเทศทั่วโลก พูดง่ายๆ คือมีมากกว่า 42 ประเทศที่มูลค่าตลาดน้อยกว่ารายรับที่เทย์เลอร์ สวิฟต์จะได้รับจากการออกทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง
แต่นอกเหนือจากตัวเงินที่จะเข้าสู่กระเป๋าเงินของเธอและทีมงานแล้ว การจัดคอนเสิร์ตก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดย QuestionPro ได้เก็บข้อมูลผู้ที่ไปคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์กว่า 592 คน เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายโดยรวมที่ผู้ชมน่าจะใช้สอยในการมาชมคอนเสิร์ต ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เหล่าสวิฟตี้จะใช้เงินรวมกันประมาณ 93 ล้านเหรียญต่อคอนเสิร์ต 1 ครั้ง ซึ่งแบ่งออกเป็นค่าตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร ของที่ระลึก ฯลฯ และถ้าหากคำนวนจากทุกคอนเสิร์ตใน The Eras Tour ผู้หญิงที่ชื่อเทย์เลอร์ สวิฟต์จะทำให้การเงินสะพัดกว่า 5,700 ล้านเหรียญ หรือ 204,000 ล้านบาท ถึงขนาดที่ คริส เลย์เดน (Chris Leyden) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของเว็บไซต์จำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตอย่าง SeatGeek ต้องกล่าวว่า “สวิฟต์และทัวร์แห่งยุค (Eras Tour) ของเธอได้กำหนดนิยามใหม่ของวิชาเศรษฐศาสตร์ด้านความบันเทิง” เลยทีเดียว
ไม่หมดเพียงเท่านี้ The Eras Tour ยังนำไปสู่การฟื้นฟูภาคธุรกิจมากมายในยุคหลังโควิด-19 โรงแรม ร้านอาหาร และร้านของฝากในทุกเมืองที่เป็นหมุดหมายของเทย์เลอร์กลับมาคึกคัก และด้วยความที่ตั๋วคอนเสิร์ตของเธอมักจะเต็มเร็วมาก การยอมจ่ายเงินเพื่อบินไปชมคอนเสิร์ตในประเทศข้างเคียงจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นปกติ ซึ่งหลายครั้ง เหล่าสวิฟตี้ที่ไปก็ถือโอกาสนี้เที่ยวต่อ กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ศิลปินทุกคนจะเสกขึ้นมาได้
เทย์เลอร์ สวิฟต์ไม่เพียงพลิกฟื้นชุมชน แต่ยังชักชวนผู้คนกลับเข้าโรงภาพยนตร์ด้วย เพราะมีแฟนคลับอีกมากที่ไม่สามารถไปสัมผัส The Eras Tour ได้ด้วยตาตัวเอง จึงเกิดเป็น Taylor Swift: The Eras Tour ภาพยนตร์บันทึกภาพคอนเสิร์ตความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาทีที่จัดฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก และท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกกว่า 123 ล้านเหรียญเพียงแค่ในสัปดาห์เปิดตัว
ด้วยอิทธิพลเชิงบวกระดับนี้ จึงไม่แปลกหากบรรดาผู้นำของหลายประเทศจะต้องการเชื้อเชิญเทย์เลอร์ให้มาจัดคอนเสิร์ตในประเทศของตัวเอง โดยหนึ่งในนั้นคือประเทศสิงคโปร์ที่มีแผนปั้นเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางการจัดคอนเสิร์ตและการแสดงดนตรีสดแห่งอาเซียน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าพาเทย์เลอร์ สวิฟต์มาได้ ไม่มากก็น้อย มันย่อมส่งผลบวกทั้งในด้านภาพลักษณ์ เศรษฐกิจ ตลอดจนอุตสาหกรรมบันเทิงพร้อมกันทั้งระบบ
และล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตามเวลาไทย เทย์เลอร์ก็เพิ่งจะประกาศเปิดตัวอัลบั้มใหม่ในชื่อ The Tortured Poets Department ใครจะรู้ มันอาจจะนำไปสู่การรับรางวัล Album of the Year ครั้งที่ 5 ของเธอก็เป็นได้ และที่แน่ๆ มันจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทั้งตัวเธอ รวมถึงเศรษฐกิจโดยรอบ เป็นการยกระดับคำว่า ‘Taylornomics’ ขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
ส่วนตอนนี้ เราคงทำได้เพียงเฝ้ารอว่า อัลบั้มใหม่ของเธอที่จะเผยแพร่ในวันที่ 19 เมษายน 2567 จะออกมาน่าตื่นตาตื่นใจเพียงใด
อ้างอิงจาก
https://www.wsj.com/arts-culture/taylor-swift-taylornomics-concert-eras-tour-local-economy-9fa1d492
https://time.com/6307420/taylor-swift-eras-tour-money-economy/