เป็นประเด็นร้อนแรงจนถึงตอนนี้ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งออกมาเล่าว่า เธอไม่สามารถเข้าคอนเสิร์ต ดิเอราส์ทัวร์ (The Eras Tours) ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่ประเทศสิงคโปร์ได้ เพราะบัตรที่ได้มาจากร้านรับกดบัตรคอนเสิร์ต มีคนสแกนใช้ไปแล้วก่อนหน้า
กลายเป็นว่าที่นั่งนี้ของเธอถูกขายซ้ำซ้อนกับคนอื่นๆ อีกหลายคน เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ในงานแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ด้วยการเชิญให้ผู้ที่สแกนบัตรคอนฯ คนแรกออกมาเช่นกัน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยเคสนี้เบื้องต้นมีคนซื้อบัตรที่นั่งเดียวกับเธออีกหลายคน ขณะที่ผู้เสียหายไม่ได้เสียเงินไปกับแค่ค่าบัตรที่ใช้ไม่ได้ แต่ยังเสียค่าเครื่องบิน ที่พัก และอีกมากมาย
กรณีนี้ ผู้คนมากมายบางส่วนแสดงความเห็นว่า ‘ธุรกิจรับกดและขายบัตร’ ไม่สมควรได้รับการสนับสนุน เพราะที่ผ่านมามีคนโดนโกงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น The MATTER จะชวนทุกคนไปทำความรู้จักธุรกิจดังกล่าว รวมถึงชวนดูช่องโหว่ของมันให้อ่านกัน
1) ร้านรับกดบัตร เกิดขึ้นมาได้เพราะความต้องการบัตรคอนฯ ที่จะมีเรตราคาในการกดตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน หรือหลักหมื่นแล้วก็มี ซึ่งวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นว่าร้านเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะโกงหรือไม่ คือ ลองสังเกตว่าเป็นแอ็กเคานต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นหรือไม่ หรือมีรีวิวจากคนที่มีตัวตนจริงๆ ไหม เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ดูว่ามีการซื้อ-ขายเกิดขึ้นจริงมาก่อน
2) บางร้านที่ถูกกล่าวหาอาจจะมียอดผู้ติดตามค่อนข้างสูง รวมถึงที่ผ่านมาทางร้านก็มีการกดและขายบัตรให้ได้จริง แต่ก็มีคนเริ่มออกมาแฉร้านนี้เรื่อยๆ ดังนั้น หลายความเห็นจึงระบุว่า วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ตรวจสอบข้อมูล และหลีกเลี่ยงรับจ้างกดหรือซื้อบัตรกับคนอื่น
3) ต่อมาประเด็นที่สำคัญของการโกงบัตรคอนฯ เทย์เลอร์ คือ คิวอาร์โค้ด (QR Code) บัตรคอนเสิร์ตถูกขายซ้ำๆ กว่าผู้ซื้อจะรู้ความจริงก็อยู่หน้าคอนเสิร์ตแล้ว ซึ่งการสแกนคิวอาร์โค้ดเพิ่งมีมาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้าผู้จัดจะให้เป็นบัตรแข็ง
แต่ในปัจจุบันผู้จัดส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนเป็นวิธีนี้ ดังนั้นการหาพื้นที่ซื้อขายบัตรอย่างปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งในขณะนี้บางแอปพลิเคชั่นก็มีการรองรับระบบดังกล่าวแล้ว ไม่ต่างกับเป็นตัวกลาง เช่น แอปฯ The Concert ที่มีระบบที่ให้สามารถจำหน่ายบัตรได้ และยังกำหนดให้ขายในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย
4) การเช็คประวัติคนขายเบื้องต้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น การขอข้อมูลบัตรประชาชน รวมถึงการนำชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และเลขบัญชี ไปตรวจสอบก่อนว่ามีประวัติการโกงหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่: blacklistseller
ทั้งนี้ ถ้าหากรู้ตัวว่าโดนโกงแล้ว ควรรีบรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อขายทันที เช่น แชทสนทนา หลักฐานการโอนเงิน และ ข้อมูลของผู้ที่โกงเรา แล้วนำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
อ้างอิงจาก