“ตอนนี้เรากำลังมีชีวิตผ่านสงครามเย็นฉบับใหม่”
สารคดี Turning Point: The Bomb and the Cold War เป็นผลงานจากผู้กํากับ ไบรอัน แนปเพนเบอร์เกอร์ (Brian Knappenberger) อย่างไรก็ดี ผลงานชิ้นนี้ถูกสร้างหลังจาก Turning Point: 9/11 and the War on Terror (2021) โดยทั้งสองสารคดีสามารถรับชมได้ที่ Netflix
ทั้งนี้ สารคดีดังกล่าวจะบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่การพัฒนาระเบิดปรมาณู และการแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงหลายทศวรรษต่อมา พร้อมทั้งยังพาเราไปติดตามประวัติศาสตร์สงครามเย็นที่ผ่านมาการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ไปจนถึงการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ซึ่งทั้งหมดต่างเป็นผลพวงจากการเกิดขึ้นของระเบิดปรมาณูและสงครามเย็น (ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต)
นอกจากนี้ สารคดีจะสอดแทรกบทสัมภาษณ์มากกว่า 100 ครั้ง จาก 7 ประเทศทั่วโลกเป็นระยะๆ ที่เผยให้เห็นถึงข้อคิดเห็นว่าสงครามเย็นเปลี่ยนชีวิตและขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลกไปมากเพียงใด
จากทั้งผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งต่างๆ เช่น ยูเครน เยอรมนี และอดีตสาธารณรัฐโซเวียตบางส่วน รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้นําโลกปัจจุบันหรือในอดีตถึงเจ็ดคน ได้แก่
ดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดีแห่งยูเครน เจนส์ สตอลเทนเบิร์ก (Jens Stoltenberg) เลขาธิการ NATO และ โรเบิร์ต เกตส์ (Robert Gates) อดีตผู้อํานวยการ CIA ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบุคคลสําคัญจากสงครามเย็นอีกมากมาย อย่างผู้นําการประท้วงชาวเยอรมันที่มีบทบาทสำคัญในการโค่นล้มกําแพงเบอร์ลิน
“ระเบิดปรมาณูไม่ใช่จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เป็นการโจมตีครั้งแรกของสงครามเย็น”
อ้างอิงจาก