การวิเคราะห์ DNA เผยว่านักสำรวจทวีปอเมริกา อย่างคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) เป็นชาวยิวจากยุโรปตะวันตก หลังจากที่นักประวัติศาสตร์ถกเถียงกันมาหลายศตวรรษ ว่าแท้จริงแล้วว่าเป็นชาวอิตาลีหรือไม่
ระหว่างปี ค.ศ. 1492 ถึง 1502 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในฐานะผู้นำคณะสำรวจที่ได้รับทุนจากสเปน ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และสำรวจทวีปอเมริกา นับเป็นการเปิดทางให้ชาวยุโรปตะวันตกพิชิตทวีปอเมริกา และพลิกประวัติศาสตร์โลก
ก่อนหน้านี้นักวิชาการหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาน่าจะเกิดในยุโรปตะวันตก โดยอาจจะมาจากเมืองบาเลนเซีย (Valencia) ในสเปน หรือเมืองเจนัว (Genoa) ในอิตาลี อย่างไรก็ตามการศึกษาล่าสุดจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวสเปน เปิดเผยว่าโคลัมบัสน่าจะชาวยิวเซฟาร์ดิ (Sephardic Jew) หรือชาวยิวที่อาศัยอยู่ในสเปนและโปรตุเกส
วิเคราะห์ DNA อย่างไร?
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชได้ทดสอบตัวอย่างขนาดเล็กของร่าง (ที่เชื่อกันว่าเป็นของโคลัมบัส) ซึ่งฝังที่มหาวิหารเซบียา (Seville Cathedral) เมืองเซบียา ประเทศสเปน หรือสถานที่ที่ทางการระบุว่าเป็นที่ฝังศพของโคลัมบัสมาอย่างยาวนาน (อย่างไรก็ตามยังคงมีการถกเถียงเกี่ยวกับสถานที่ฝังศพที่แท้จริง)
จากนั้นทีมผู้ศึกษาได้นำตัวอย่างเหล่านั้น ไปเปรียบเทียบกับญาติและลูกหลาน โดยมิเกล ลอเรนเต้ (Miguel Lorente) ผู้นำทีมดังกล่าวระบุว่า “เรามี DNA ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส แม้มีแค่บางส่วนแต่ก็เพียงพอ และเรามี DNA ของเฮอร์นันโด โคลอน (Hernando Colón) ลูกชายของเขา”
ทั้งนี้ลอเรนเต้กล่าวเสริมว่า ทีมของเขาพบลักษณะที่ตรงกับ ‘ต้นกำเนิดของชาวยิว’ ในโครโมโซม Y และใน DNA ของไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งถ่ายทอดผ่านแม่ ของเฮอร์นันโด
หนึ่งในคำอธิบายของการค้นพบครั้งนี้คือ ในสเปนเคยมีชาวยิวอาศัยราว 300,000 คน ก่อนที่ในปี 1492 จะถูกสั่งให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และหากไม่ทำตามจะต้องออกจากประเทศ ทำให้ผู้ศึกษาเชื่อว่าเขาปกปิดความเป็นชาวยิวของตัวเอง หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เพื่อหลีกหนีการข่มเหงทางศาสนาในตอนนั้น
อ้างอิงจาก