ลูกกอล์ฟที่เราตีพลาดและลงบ่อน้ำไป มันจะยังคงอยู่ที่นั่นตลอดไปไหม หรือมีใครเก็บไปแล้วกันนะ? ชายคนนี้ มีคำตอบให้คุณ
จิม เบสต์ (Jim Best) เป็นนักดำน้ำที่ตามหาและเก็บลูกกอล์ฟที่หายไป โดยเขาบอกว่า เขากอบกู้ลูกกอล์ฟที่จมน้ำหายไปได้ถึงปีละกว่า 2 ล้านลูก
เขาเริ่มอาชีพนี้ในสนามกอล์ฟ 65 แห่งทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากนั้น ก็ลดจำนวนลงเหลือเพียงไม่ถึง 10 แห่ง โดย TPC Sawgrass สถานที่จัดการแข่งขัน Players Championship เป็นสนามที่เขาชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหลุมที่ 17 ที่มีเกาะเป็นเอกลักษณ์
“ผมเก็บลูกกอล์ฟได้เยอะมากจากที่นั่น” เขากล่าว และระบุว่า แค่จากแหล่งน้ำบริเวณหลุม 17 ก็เก็บลูกกอล์ฟได้ถึงประมาณ 70,000 ลูกแล้ว “ผมไปที่นั่นและทำเงินได้ ไม่ต่างอะไรกับการเก็บเกี่ยวพืชผล หรือการปลูกไร่ข้าวโพด”
แล้วเบสต์ค้นพบอาชีพสุดแปลกนี้ได้อย่างไร? ต้องย้อนไปขณะที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ในปี 1993 เขาปั่นจักรยานไปตามเส้นทางของรถกอล์ฟและสังเกตเห็นลูกกอล์ฟที่หายไปในป่า เขาจึงเข้าไปหาและเก็บใส่เป้ นำมาทำความสะอาด แล้วขายให้กับร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากอพาร์ตเมนต์ของเขา
นั่นจึงเป็นจุดที่เขาปิ๊งไอเดียการหาเลี้ยงตัวเอง ด้วยการกอบกู้ลูกกอล์ฟจากสนามต่างๆ จนปี 1998 ก็ตัดสินใจมาทำอาชีพนี้เต็มตัว เขาได้รับการรับรองเป็นนักดำน้ำ และทำสัญญากับสนามกอล์ฟหลายแห่งเพื่อขอสิทธิพิเศษในการเข้าไปกอบกู้ลูกกอล์ฟในพื้นที่
หลุมที่ 17 อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง TPC Sawgrass เหนือระดับน้ำดูสวยงามราวกับภาพฝัน แต่ใต้ผิวน้ำกลับตรงกันข้าม เบสต์บอกว่าในน้ำขุ่นเต็มไปด้วยสาหร่าย และเมื่อเขาเริ่มเอื้อมมือไปหยิบลูกกอล์ฟที่พื้น ก็มักจะโดนตะกอนเข้ามารบกวนจนแทบมองไม่เห็น
แต่เพราะความเป็นมืออาชีพด้านการกอบกู้ลูกกอล์ฟ เขาจึงสนิทกับภูมิประเทศที่พื้นใต้น้ำเป็นอย่างดี ไม่ต่างอะไรจากนักกอล์ฟที่สนิทกันกับสนามหญ้าและเห็นภาพภูมิประเทศทั้งหมด
ในแต่ละครั้ง เขาจะใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงในน้ำ พร้อมถังออกซิเจน 2-3 ถัง บางครั้งเก็บลูกกอล์ฟได้มากถึง 6,000 ลูกในหลุมที่ 17 เท่านั้น แต่เขาก็บอกว่าลูกกอล์ฟมีจำนวนมหาศาลมาก จน “คุณจะไม่มีวันเก็บได้หมดหรอก”
อย่างไรก็ดี ประมาณ 10% ของลูกกอล์ฟที่กู้คืนมาได้จะถูกทำลาย เนื่องจากน้ำจะแทรกซึมผ่านเยื่อหุ้มของลูกกอล์ฟ ทำให้ก๊าซภายในขยายตัว และเป็นลูกกอล์ฟที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
แต่เขากอบกู้ขึ้นมาเพื่อนำให้คนกลับมาใช้งานอย่างเดียวเสียเมื่อไร เพราะหลังจากเขาล้างและแยกลูกกอล์ฟตามยี่ห้อ รุ่น และคุณภาพ เพื่อนำไปขายต่อ ก็มักจะสะดุดกับลูกกอล์ฟคนดัง ที่พูดชื่อไปใครๆ ในวงการกอล์ฟก็รู้จักอย่างแน่นอน
ในปี 2005 ช่วงเวลาที่ไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) คว้าแชมป์มาสเตอร์สได้เป็นสมัยที่ 4 จากทั้งหมด 5 สมัย เบสต์พบลูกกอล์ฟลูกหนึ่งของเขาที่สนาม TPC Sawgrass
นอกจากนั้น เขายังเคยพบลูกกอล์ฟคนดังอื่นๆ อีก เช่น ของรอรี่ แม็คอิลรอย (Rory McIlroy) ของ ทอม เบรดี้ (Tom Brady) และ เพย์ตัน แมนนิ่ง (Peyton Manning) รวมถึงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกด้วย (Donald Trump)
ไม่เพียงแต่จะเจอลูกกอล์ฟหลายพันลูกเท่านั้น เขายังมักขะเจอโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป แว่นกันแดด หมวกกันแดด และแม้แต่ไม้พัตเตอร์ด้วย ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าสิ่งของอื่นๆ บางส่วนไปลงน้ำได้อย่างไร แต่ก็เดาได้ว่าไม้กอล์ฟเหล่านั้นคงจะถูกโยนทิ้งไปด้วยความโกรธของผู้ที่มาออกรอบนั่นเอง
แต่งานนี้ก็ใช่ว่าจะไร้อุปสรรค เพราะไม่เพียงแต่ต้องอาศัยทักษะการดำน้ำและความเชี่ยวชาญในพื้นที่ ‘ความกล้าหาญ’ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะในบ่อน้ำไม่ได้มีเพียงเบสต์ ลูกกอล์ฟ และสาหร่าย แต่หลายครั้งอาจจะเจอกับสัตว์อันตรายอย่าง ‘จระเข้’ ได้ีกด้วย
เบสต์เลาว่า “เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีจระเข้ขนาด 11 ฟุตและ 9 ฟุตอยู่รอบๆ กรีนที่ผมกำลังดำลงไป ผมพยายามอย่างเต็มที่เท่าที่ผมยังรู้สึกโอเค และจระเข้ก็อยู่ให้ห่างจากผม แต่ถ้ามันดูจะอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป ผมก็จะออกไป”
แต่แม้จะระมัดระวังแค่ไหน ครั้งหนึ่งเขาก็เคยโดนจระเข้ตัวเล็กๆ กัดข้อเท้ามาแล้ว หรือบางครั้งเจ้าจระเข้ก้พุ่งเข้าไปในถังออกซิเจนของเขา ซึ่งกระแทกปากของมันจนแตก
ดังนั้น หลังจากคุณได้รู้จัก จิม เบสต์ และอาชีพนี้แล้ว ครั้งต่อไปที่ใครก็ตามตีลูกทีออฟตกลงไปในน้ำที่หลุม 17 ที่สนาม Sawgrass โปรดจำไว้ว่า แม้นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันของผู้เล่นคนหนึ่งสิ้นสุดลง แต่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่สำหรับลูกบอลเล็กๆ ที่รอชายคนหนึ่งมาค้นพบมัน
อ้างอิงจาก