เคยดูหนังแล้วเห็นลูกไฟวิญญาณ–เปลวไฟสีฟ้าที่คอยนำทางให้ตัวละคร ให้ไปเจอเรื่องราวน่ากลัวๆ บ้างไหม?
ตามตำนานพื้นบ้านของหลายประเทศในทวีปยุโรป เชื่อกันมาหลายศตวรรษแล้วว่า ลูกไฟนั้นคือ วิลล์-โอ-เดอะ-วิสป์ (Will-o’-the-wisp) หรือเปลวไฟสีฟ้าจางๆ น่ากลัวที่ลอยอยู่เหนือหนองน้ำ บึง และพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆ ซึ่งแต่ละวัฒนธรรมก็ตีความลูกไฟนี้ต่างกันไป บ้างก็เชื่อว่าเป็นนางฟ้า ผี หรือดวงวิญญาณ
แต่วันนี้วิทยาศาสตร์ได้ให้คำอธิบายที่แตกต่างออกไป โดยนักวิจัยพบว่า ลูกไฟพวกนี้เกิดขึ้นเมื่อก๊าซมีเทนและก๊าซอื่นๆ ที่ปล่อยออกมาจากสารอินทรีย์ที่สลายตัว แล้วทำปฏิกิริยาและติดไฟชั่วครู่ จนเกิดแสงวาบคล้ายเปลวไฟ
งานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences USA อธิบายปรากฏการณ์ ‘ไมโครไลท์นิ่ง’ (micro-lightning) หรือประกายไฟฟ้าขนาดเล็กที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งมาจากฟองมีเทนที่มีประจุไฟฟ้าในน้ำ
ก๊าซในหนองน้ำอาจมีมีเทนประกอบอยู่ถึงสองในสาม และเมื่อฟองมีเทนจำนวนมากเกิดการออกซิไดซ์และรวมตัวกัน มีเทนที่ถูกออกซิไดซ์จะเรืองแสงสีน้ำเงินม่วง ทำให้เกิดแสงอันน่าขนลุกของ Will-o’-the-wisp
สำหรับการทดลอง นักวิจัยได้นำฟองอากาศที่ประกอบด้วยมีเทนและก๊าซอื่นๆ ใส่ลงไปในบีกเกอร์น้ำ จากนั้นใช้กล้องความเร็วสูงบันทึกวิดีโอ 24,000 เฟรมต่อวินาที เพื่อจับภาพแสงวาบของกระแสไฟฟ้า ที่พุ่งผ่านระหว่างพื้นผิวของฟองอากาศขนาดเล็กที่มีประจุไฟฟ้า
เมื่อฟองอากาศที่มีประจุไฟฟ้าตรงข้ามกันมารวมตัวกัน อิเล็กตรอนจะกระโดดจากพื้นผิวที่มีประจุไฟฟ้าลบ ไปยังพื้นผิวที่มีประจุไฟฟ้าบวก และก่อให้เกิดประกายไฟ คล้ายแสงวาบเล็กๆ จางๆ
“นั่นคือฟ้าผ่า” ดร.ริชาร์ด ซาเร (Dr. Richard Zare) ผู้เขียนงานวิจัยกล่าวกับ CNN พร้อมชี้ว่า แม้ว่าปรากฏการณ์ฟ้าผ่านี้จะมีขนาดเล็กมาก แต่ “ก็มีพลังงานมากพอที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีทุกประเภท” โดยเขาย้ำว่า การศึกษากลไกนี้ต่อไปในอนาคต อาจช่วยให้นักวิจัยพัฒนาวิธีการที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น สำหรับกระบวนการทางเคมีทั่วไป
อ้างอิงจาก